Microsoft Defender มีการตรวจจับ และแจ้งผู้ใช้ที่มีการสมัครใช้งาน Microsoft 365 Personal หรือ Family แบบอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้เชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย
คุณสมบัติการปกป้องความเป็นส่วนตัวของ Microsoft Defender (เรียกอีกอย่างว่า Defender VPN) ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยของผู้ใช้เมื่อเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ หรือเครือข่ายที่ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งข้อมูล และตัวตนของผู้ใช้อาจถูกเปิดเผย หรือถูกขโมยได้
เพื่อการดำเนินการดังกล่าว โปรแกรมจะเข้ารหัส และกำหนดเส้นทางการรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ผ่านเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft และซ่อน IP address ของผู้ใช้ โดยใช้ VPN (Virtual Private Network)
Microsoft ประกาศเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2024 ว่า Defender VPN ได้รับการอัปเกรดให้แจ้งเตือนผู้ใช้โดยอัตโนมัติว่ามีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี และตอนนี้สามารถกำหนดค่าให้เปิดใช้งานแบบอัตโนมัติเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น
Microsoft ระบุว่า ได้เพิ่มการตรวจจับ Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย (Wi-Fi ที่น่าสงสัย) การตรวจจับเหล่านี้สามารถทำได้โดยใช้ Defender heuristics ในการตรวจสอบลักษณะต่าง ๆ หลายประการของ Wi-Fi hotspot เพื่อระบุว่าน่าสงสัยหรือไม่
เช่นเดียวกับ Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับ Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัยด้วยเช่นกัน และสามารถเปิด Defender VPN เพื่อความปลอดภัยมากขึ้น
ระบบนี้สามารถช่วยป้องกันผู้ใช้จากผู้โจมตีที่มีการทำ rogue wireless access point ปลอม เพื่อหลอกล่อให้ผู้ใช้เชื่อมต่อ และผู้โจมตีจะทำการโจมตีแบบ Evil Twin หลังจากที่เหยื่อเชื่อมต่อได้แล้ว รวมถึงผู้โจมตีจะสามารถขโมยข้อมูลที่สำคัญในการโจมตีแบบ Man-in-the-Middle (MiTM) หรือใช้เทคนิคฟิชชิ่งเพื่อขโมยข้อมูลเพิ่มเติม
ปัจจุบันการแจ้งเตือน Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัยนั้นใช้งานได้เฉพาะใน Defender สำหรับ Android, iOS และ Windows เท่านั้น โดยที่ใน macOS นั้นจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้บริษัทได้เพิ่มการ support สำหรับ Defender VPN บนระบบ Windows และ macOS และเปิดให้ใช้งานในเยอรมนี และแคนาดา โดยจะมีการเพิ่มประเทศอื่น ๆ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
Microsoft ระบุว่า กำลังเพิ่มการปกป้องความเป็นส่วนตัวให้กับอีก 10 ประเทศในยุโรป เอเชีย และภูมิภาคละตินอเมริกาในเร็ว ๆ นี้
การปกป้องความเป็นส่วนตัวเป็นฟีเจอร์ที่รวมอยู่กับ Microsoft Defender สำหรับแต่ละบุคคล ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ในเดือนกันยายน 2023 บนอุปกรณ์ Android ในสหรัฐอเมริกา
สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือ Microsoft ระบุว่า Defender VPN จะส่งข้อมูลบริการที่ไม่ระบุชื่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท แต่จะไม่รวบรวมข้อมูลการเรียกดู ประวัติ รายละเอียดส่วนบุคคล หรือตำแหน่งทางกายภาพของอุปกรณ์ของผู้ใช้
ข้อมูลบริการที่ไม่ระบุชื่อนี้ประกอบด้วยรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ระยะเวลาการใช้งาน VPN, ปริมาณแบนด์วิดท์ VPN ที่ใช้ และชื่อ Wi-Fi hotspot ที่ตรวจพบว่าอาจเป็นอันตรายเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ภัยคุกคาม (บริษัทระบุว่าข้อมูลนี้จะถูกส่งไปที่เซิร์ฟเวอร์หลังจากได้รับความยินยอมจากผู้ใช้เท่านั้น)
หากไม่ใช่ผู้ใช้ Microsoft Defender ที่มีการสมัครใช้งาน Microsoft 365 Family หรือ Personal ผู้ใช้ยังสามารถปกป้องตนเองได้โดยเปิดใช้ multi-factor authentication ในบัญชี และปิดการเชื่อมต่อ Wi-Fi แบบอัตโนมัติ เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์จะไม่เชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สายที่อาจเป็นอันตราย
ที่มา : BLEEPINGCOMPUTER