CrushFTP แจ้งเตือนผู้ใช้งานเร่งอัปเดตแพตซ์ช่องโหว่ Zero-day โดยด่วน

CrushFTP แจ้งเตือนผู้ใช้งานให้เร่งอัปเดตแพตซ์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-day หมายเลข CVE-2024-4040 ซึ่งเป็นช่องโหว่ Sandbox Escape ของ CrushFTP VFS โดยด่วน หลังจากพบว่ากลุ่ม Hacker กำลังใช้ช่องโหว่ดังกล่าวในการโจมตีเป้าหมาย

CVE-2024-4040 (คะแนน CVSS 9.8 ความรุนแรงระดับ Critical) เป็นช่องโหว่ที่ทำให้ Hacker ที่ไม่จำเป็นต้องผ่านการยืนยันตัวตน สามารถเข้าถึง virtual file system (VFS) ของผู้ใช้ และดาวน์โหลดไฟล์ระบบได้

อย่างไรก็ตามผู้ที่ใช้เครือข่าย DMZ (demilitarized zone) ในหน้าหลักของ CrushFTP instance จะได้รับการป้องกันจากการโจมตี โดยช่องโหว่ดังกล่าวถูกการรายงานโดย Simon Garrelou จาก Airbus CERT ซึ่งขณะนี้ได้รับการแก้ไขช่องโหว่ไปแล้วใน CrushFTP เวอร์ชัน 10.7.1 และ 11.1.0

CrushFTP ได้แจ้งเตือนให้ผู้ใช้งาน CrushFTP เวอร์ชัน 9 ทำการอัปเดตเป็น CrushFTP เวอร์ชัน11 หรืออัปเดต instance ผ่านหน้า dashboard โดยด่วนหลังจากที่พบว่าช่องโหว่ดังกล่าวกำลังถูก Hacker นำไปใช้ในการโจมตีแล้ว

รวมถึงจากข้อมูลของ Shodan พบว่ามี CrushFTP instance อย่างน้อย 2,700 รายการ ที่มี web interface ที่สามารถถูกโจมตีทางออนไลน์ได้ แต่ยังไม่สามารถที่จะระบุได้ว่ามีกี่รายการที่ยังไม่ได้อัปเดตแพตซ์ช่องโหว่

การโจมตีช่องโหว่ CVE-2024-4040

CrowdStrike บริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้ยืนยันการพบการโจมตีช่องโหว่ดังกล่าวในรายงานข่าวกรอง พร้อมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ เทคนิค และวัตถุประสงค์ (TTP) ของ Hacker

ทั้งนี้ทางทีม Falcon OverWatch และ Falcon Intelligence พบว่า Hacker ได้นำช่องโหว่ Zero-Day ใน CrushFTP ไปใช้ในการโจมตีแบบกำหนดเป้าหมายไปที่ CrushFTP servers ที่องค์กรหลายแห่งในสหรัฐฯ และมีหลักฐานว่าเป็นแคมเปญที่ใช้สำหรับรวบรวมข่าวกรองทางด้านการเมือง

ในเดือนพฤศจิกายน 2023 ลูกค้า CrushFTP ได้รับคำเตือนให้แก้ไขช่องโหว่การเรียกใช้คำสั่งที่เป็นอันตรายจากระยะไกล (CVE-2023-43177) หลังจากที่นักวิจัยด้านความปลอดภัยของ Converge ที่รายงานช่องโหว่ดังกล่าวได้เผยแพร่ชุดสาธิตการโจมตี หรือ PoC ออกมา

ที่มา : bleepingcomputer.

Palo Alto Networks ออก Hotfix แก้ไขช่องโหว่ Zero-day บนไฟร์วอลล์

Palo Alto Networks เริ่มออก hotfixes เพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-day ที่กำลังถูกใช้ในการโจมตีมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2024 เพื่อติดตั้งแบ็คดอร์บน PAN-OS ไฟร์วอลล์

ช่องโหว่ดังกล่าว (CVE-2024-3400) มีระดับความรุนแรงสูงสุด (CVSSv3: 10.0) ส่งผลต่อไฟร์วอลล์ PAN-OS 10.2, PAN-OS 11.0 และ PAN-OS 11.1 ที่เปิดใช้งาน telemetry และ GlobalProtect (เกตเวย์ หรือพอร์ทัล)

โดยผู้โจมตีที่ไม่จำเป็นต้องผ่านการยืนยันตัวตน สามารถใช้ประโยชน์จากช่องโหว่เพื่อเรียกใช้โค้ดที่เป็นอันตรายด้วยสิทธิ์ root ผ่าน command injection โดยไม่จำเป็นต้องมีการโต้ตอบจากผู้ใช้

ปัจจุบัน Palo Alto ได้แก้ไขช่องโหว่ดังกล่าวด้วย hotfix ที่ออกสำหรับ PAN-OS 10.2.9-h1, PAN-OS 11.0.4-h1 และ PAN-OS 11.1.2-h3 โดย hotfixes อื่น ๆ เพิ่มเติมจะถูกเผยแพร่สำหรับ PAN-OS เวอร์ชันถัด ๆ ไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ตามคำแนะนำของ Palo Alto Networks อุปกรณ์ Cloud NGFW, อุปกรณ์ Panorama และ Prisma Access จะไม่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้

ผู้ดูแลระบบที่ยังไม่สามารถอัปเดตได้ในทันที สามารถปิดใช้งานฟีเจอร์ device telemetry บนอุปกรณ์ที่มีช่องโหว่จนกว่าจะสามารถอัปเดตแพตซ์ได้ หากอุปกรณ์มีการใช้งาน 'Threat Prevention' สามารถบล็อกการโจมตีได้ด้วยการเปิดใช้งาน 'Threat ID 95187'

คำเตือนของ Palo Alto Networks เกี่ยวกับการโจมตี ได้รับการยืนยันโดยบริษัทรักษาความปลอดภัย Volexity ซึ่งเป็นผู้ค้นพบช่องโหว่ และตรวจพบผู้โจมตีที่ใช้มันเพื่อติดตั้งแบ็คดอร์บน PAN-OS โดยใช้มัลแวร์ Upstyle ในการโจมตีเครือข่าย และขโมยข้อมูล

Volexity กำลังติดตามพฤติกรรมดังกล่าวภายใต้ชื่อผู้โจมตี UTA0218 และคาดว่าผู้โจมตีเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะอยู่เบื้องหลังการโจมตีที่กำลังดำเนินอยู่เหล่านี้

นักวิจัยด้านภัยคุกคาม ยูทากะ เซจิยามะ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าพบอุปกรณ์ PAN-OS มากกว่า 82,000 เครื่องที่เปิดให้เข้าถึงได้บนอินเทอร์เน็ต และเสี่ยงต่อการโจมตีจากช่องโหว่ CVE-2024-34000 โดย 40% อยู่ในสหรัฐอเมริกา

CISA ได้เพิ่ม CVE-2024-3400 ลงในแค็ตตาล็อก Known Exploited Vulnerabilities (KEV) โดยสั่งให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางจัดการด้านความปลอดภัยอุปกรณ์ของตน โดยใช้ mitigation rule หรือปิดใช้งาน telemetry ภายในหนึ่งสัปดาห์ หรือภายในวันที่ 19 เมษายน 2024

ที่มา : https://www.

Palo Alto Networks ออก Hotfix แก้ไขช่องโหว่ Zero-day บนไฟร์วอลล์

Palo Alto Networks เริ่มออก hotfixes เพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-day ที่กำลังถูกใช้ในการโจมตีมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2024 เพื่อติดตั้งแบ็คดอร์บน PAN-OS ไฟร์วอลล์

ช่องโหว่ดังกล่าว (CVE-2024-3400) มีระดับความรุนแรงสูงสุด (CVSSv3: 10.0) ส่งผลต่อไฟร์วอลล์ PAN-OS 10.2, PAN-OS 11.0 และ PAN-OS 11.1 ที่เปิดใช้งาน telemetry และ GlobalProtect (เกตเวย์ หรือพอร์ทัล)

โดยผู้โจมตีที่ไม่จำเป็นต้องผ่านการยืนยันตัวตน สามารถใช้ประโยชน์จากช่องโหว่เพื่อเรียกใช้โค้ดที่เป็นอันตรายด้วยสิทธิ์ root ผ่าน command injection โดยไม่จำเป็นต้องมีการโต้ตอบจากผู้ใช้

ปัจจุบัน Palo Alto ได้แก้ไขช่องโหว่ดังกล่าวด้วย hotfix ที่ออกสำหรับ PAN-OS 10.2.9-h1, PAN-OS 11.0.4-h1 และ PAN-OS 11.1.2-h3 โดย hotfixes อื่น ๆ เพิ่มเติมจะถูกเผยแพร่สำหรับ PAN-OS เวอร์ชันถัด ๆ ไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ตามคำแนะนำของ Palo Alto Networks อุปกรณ์ Cloud NGFW, อุปกรณ์ Panorama และ Prisma Access จะไม่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้

ผู้ดูแลระบบที่ยังไม่สามารถอัปเดตได้ในทันที สามารถปิดใช้งานฟีเจอร์ device telemetry บนอุปกรณ์ที่มีช่องโหว่จนกว่าจะสามารถอัปเดตแพตซ์ได้ หากอุปกรณ์มีการใช้งาน 'Threat Prevention' สามารถบล็อกการโจมตีได้ด้วยการเปิดใช้งาน 'Threat ID 95187'

คำเตือนของ Palo Alto Networks เกี่ยวกับการโจมตี ได้รับการยืนยันโดยบริษัทรักษาความปลอดภัย Volexity ซึ่งเป็นผู้ค้นพบช่องโหว่ และตรวจพบผู้โจมตีที่ใช้มันเพื่อติดตั้งแบ็คดอร์บน PAN-OS โดยใช้มัลแวร์ Upstyle ในการโจมตีเครือข่าย และขโมยข้อมูล

Volexity กำลังติดตามพฤติกรรมดังกล่าวภายใต้ชื่อผู้โจมตี UTA0218 และคาดว่าผู้โจมตีเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะอยู่เบื้องหลังการโจมตีที่กำลังดำเนินอยู่เหล่านี้

นักวิจัยด้านภัยคุกคาม ยูทากะ เซจิยามะ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าพบอุปกรณ์ PAN-OS มากกว่า 82,000 เครื่องที่เปิดให้เข้าถึงได้บนอินเทอร์เน็ต และเสี่ยงต่อการโจมตีจากช่องโหว่ CVE-2024-34000 โดย 40% อยู่ในสหรัฐอเมริกา

CISA ได้เพิ่ม CVE-2024-3400 ลงในแค็ตตาล็อก Known Exploited Vulnerabilities (KEV) โดยสั่งให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางจัดการด้านความปลอดภัยอุปกรณ์ของตน โดยใช้ mitigation rule หรือปิดใช้งาน telemetry ภายในหนึ่งสัปดาห์ หรือภายในวันที่ 19 เมษายน 2024

ที่มา : https://www.

Exploit สำหรับช่องโหว่ Zero Day บน Palo Alto PAN-OS ถูกปล่อยออกสู่สาธารณะ อัปเดตแพตซ์ด่วน!

Exploit code สำหรับการโจมตีช่องโหว่ระดับความรุนแรงสูงสุด (CVE-2024-3400, CVSSv3: 10.0) ใน PAN-OS ไฟร์วอลล์ของ Palo Alto Networks ถูกปล่อยออกสู่สาธารณะเรียบร้อยแล้ว

โดยช่องโหว่นี้สามารถทำให้ผู้โจมตีที่ไม่จำเป็นต้องผ่านการยืนยันตัวตน สามารถใช้ประโยชน์จากช่องโหว่เพื่อเรียกใช้โค้ดที่เป็นอันตรายด้วยสิทธิ์ root ผ่าน command injection บนไฟร์วอลล์ PAN-OS 10.2, PAN-OS 11.0 และ PAN-OS 11.1 ที่มีช่องโหว่ หากอุปกรณ์ดังกล่าวเปิดใช้งาน telemetry และ GlobalProtect (เกตเวย์ หรือพอร์ทัล)

ในขณะที่ Palo Alto Networks ได้เริ่มปล่อย hotfixes ในวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขช่องโหว่ที่คาดว่ากำลังถูกใช้ในการโจมตีมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม รวมถึงการติดตั้งแบ็คดอร์ Upstyleเพื่อใช้ในการโจมตีต่อไปยังภายในเครือข่าย และขโมยข้อมูล โดยกลุ่มผู้โจมตีที่คาดว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในชื่อ UTA0218

Shadowserver แพลตฟอร์มตรวจสอบภัยคุกคามความปลอดภัยระบุว่า พบอินสแตนซ์ไฟร์วอลล์ PAN-OS มากกว่า 156,000 รายการบนอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตามยังไม่ได้ให้ข้อมูลว่าในจำนวนี้มีความเสี่ยงจากการโจมตีโดยช่องโหว่ดังกล่าวจำนวนเท่าใด

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยูทากะ เซจิยามะ เปิดเผยว่าพบอุปกรณ์ PAN-OS มากกว่า 82,000 ระบบที่เปิดให้เข้าถึงได้บนอินเทอร์เน็ต และเสี่ยงต่อการโจมตีจากช่องโหว่ CVE-2024-34000 โดย 40% อยู่ในสหรัฐอเมริกา (ประเทศไทยราว ๆ 907 ระบบ อ้างอิงจาก https://twitter.

พบช่องโหว่ Zero-Day การเรียกใช้โค้ดที่เป็นอันตรายจากระยะไกลบน Paloalto GlobalProtect

พบช่องโหว่ Zero-Day การเรียกใช้โค้ดที่เป็นอันตรายจากระยะไกลบน Paloalto GlobalProtect

เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2024 Volexity ตรวจพบการโจมตีโดยใช้ช่องโหว่ Zero-Day ของ GlobalProtect ซึ่งเป็นฟีเจอร์หนึ่งของ Palo Alto Networks PAN-OS จากหนึ่งในลูกค้าของพวกเขา โดย Volexity พบการแจ้งเตือนที่น่าสงสัยบนเครือข่าย ซึ่งมาจากไฟร์วอลล์ของลูกค้า

จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าอุปกรณ์ดังกล่าวน่าจะถูก compromised ไปเรียบร้อยแล้ว วันถัดมาวันที่ 11 เมษายน 2024 Volexity พบการโจมตีโดยใช้งานช่องโหว่เดียวกันนี้กับลูกค้ารายอื่นของพวกเขา โดยมาจากผู้โจมตีรายเดียวกัน ผู้โจมตีซึ่ง Volexity เรียกว่า UTA0218 สามารถโจมตีช่องโหว่บนอุปกรณ์ไฟร์วอลล์จากระยะไกลได้ โดยพบการสร้าง reverse shell และดาวน์โหลดเครื่องมืออื่น ๆ ลงบนอุปกรณ์

(more…)

Apple แก้ไขช่องโหว่ Zero-Day บน iOS ที่กำลังถูกใช้โจมตี iPhone

Apple ออกแพตซ์อัปเดตด้านความปลอดภัยฉุกเฉินเพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-day ของ iOS สองรายการที่กำลังถูกใช้ในการโจมตีบน iPhone

โดยช่องโหว่ Zero-day ทั้ง 2 รายการประกอบไปด้วย ช่องโหว่ iOS Kernel (CVE-2024-23225) และช่องโหว่ RTKit (CVE-2024-23296) ทำให้ Hacker สามารถอ่าน และเขียนข้อมูลบน kernel และสามารถหลีกเลี่ยงการป้องกันของ kernel memory ได้ โดยทาง Apple ได้ออกอัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 17.4, iPadOS 17.4, iOS 16.76 และ iPad 16.7.6 ด้วยการปรับปรุง input validation (more…)

กลุ่ม Lazarus ใช้ช่องโหว่ Zero-Day ใน Windows เพื่อรับสิทธิ์ Kernel

กลุ่ม Lazarus ใช้ช่องโหว่ Zero-Day ใน Windows เพื่อรับสิทธิ์ Kernel

กลุ่ม Hacker ชาวเกาหลีเหนือกลุ่ม Lazarus Group ได้ใช้ช่องโหว่ Zero-Day ในไดรเวอร์ Windows AppLocker (appid.

CISA แจ้งเตือนช่องโหว่ RCE ใหม่ของ Fortinet กำลังถูกใช้ในการโจมตี

CISA ออกมาแจ้งเตือนการพบกลุ่ม Hacker ได้ใช้ช่องโหว่การเรียกใช้คำสั่งจากระยะไกล (RCE) ความรุนแรงระดับ Critical ที่ได้รับการแก้ไขไปแล้วในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2024 จากทาง Fortinet

CVE-2024-21762 (คะแนน CVSS 9.6/10 ความรุนแรงระดับ Critical) เป็นช่องโหว่ out-of-bounds write ใน FortiOS ที่ช่วยให้ Hacker สามารถเรียกใช้คำสั่งที่เป็นอันตรายจากระยะไกล โดยใช้ HTTP request ที่ออกแบบมาเพื่อการโจมตีโดยเฉพาะ

Fortinet แนะนำว่าหากผู้ดูแลระบบยังไม่สามารถทำการการอัปเดตความปลอดภัยเพื่อแก้ไขช่องโหว่ได้ในทันที สามารถป้องกันการโจมตีจากช่องโหว่ดังกล่าวชั่วคราวได้โดยการปิดใช้งาน SSL VPN บนอุปกรณ์ไปก่อน โดยขณะนี้ทาง Fortinet ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลของช่องโหว่ดังกล่าว

การประกาศของ CISA เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่ Fortinet เผยแพร่การอัปเดตช่องโหว่ดังกล่าว โดยระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่ช่องโหว่ CVE-2024-21762 จะถูกนำไปใช้ในการโจมตีแล้ว รวมถึงได้เพิ่มช่องโหว่ดังกล่าวไปยังรายการ Known Exploited Vulnerabilities Catalog หรือช่องโหว่ที่พบว่าถูกใช้ในการโจมตีอยู่ในปัจจุบัน

รวมถึง CISA ได้แจ้งเตือนให้หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาทำการอัปเดตอุปกรณ์ FortiOS ภายในเจ็ดวัน ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2024 โดยคำสั่งการปฏิบัติงานที่มีผลผูกพัน (BOD 22-01) ที่ออกมาในเดือนพฤศจิกายน 2021

การประกาศช่องโหว่อื่น ๆ ของ Fortinet

นอกจากนี้ทาง Fortinet ยังได้แก้ไขช่องโหว่ RCE ที่สำคัญอีก 2 รายการ (CVE-2024-23108 และ CVE-2024-23109) ในโซลูชัน FortiSIEM ในสัปดาห์เดียวกัน ซึ่งในตอนแรกทาง Fortinet ได้ปฏิเสธช่องโหว่ดังกล่า วและอ้างว่าเป็นช่องโหว่ที่ซ้ำกันกับ CVE-2023-34992 ซึ่งได้รับการแก้ไขไปแล้วในเดือนตุลาคม 2023 แต่ทาง Zach Hanley ผู้เชี่ยวชาญด้านช่องโหว่ Horizon3 ซึ่งเป็นผู้ที่ค้นพบ และรายงานช่องโหว่ดังกล่าวได้รายงานว่าช่องโหว่ CVE 2 รายการที่เพิ่งค้นพบนั้นแตกต่างจากช่องโหว่เดิมของ CVE-2023-34992 เนื่องจาก Hacker ที่ไม่จำเป็นผ่านการยืนยันตัวตนจากภายนอก สามารถใช้ช่องโหว่เหล่านี้เพื่อเรียกใช้คำสั่งบนอุปกรณ์ที่มีช่องโหว่ได้

ทั้งนี้แนะนำให้ผู้ดูแลระบบทำการอัปเดตอุปกรณ์ Fortinet ทั้งหมดโดยเร็วที่สุดในทันที เนื่องจากช่องโหว่ของ Fortinet ซึ่งส่วนใหญ่เป็น zero-day มักตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของเหล่า Hacker เพื่อเข้าถึงเครือข่ายองค์กรเพื่อโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ และขโมยข้อมูลออกไป

ที่มา : bleepingcomputer

Ivanti แจ้งเตือนช่องโหว่ Zero-Day ใหม่ใน Connect Secure ที่กำลังถูกใช้ในการโจมตี

Ivanti แจ้งเตือนช่องโหว่ Zero-Day ใหม่ใน Connect Secure ที่กำลังถูกใช้ในการโจมตี

Ivanti แจ้งเตือนพบช่องโหว่ Zero-Day ใหม่ 2 รายการที่ส่งผลกระทบต่อ Connect Secure, Policy Secure และ ZTA gateway ซึ่งหนึ่งในช่องโหว่ Zero-Day ดังกล่าวได้ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีอยู่ในปัจจุบัน

(more…)

Apple ออกอัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-Day ที่พบการโจมตีครั้งแรกในปี 2024

Apple ออกอัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-Day แรกของปี 2024 หลังจากที่พบว่ากำลังถูกใช้ในการโจมตี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ iPhone, Mac และ Apple TV

CVE -2024-23222 เป็นช่องโหว่ที่อยู่ใน WebKit ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเรียกใช้คำสั่งที่เป็นอันตรายจากระยะไกลบนอุปกรณ์เป้าหมายได้ เช่น iOS, macOS และ tvOS หลังจากที่เป้าหมายเปิดหน้าเว็บที่เป็นอันตราย (more…)