มัลแวร์ AVrecon มุ่งเป้าโจมตีไปยัง Linux routers กว่า 70,000 เครื่องเพื่อสร้าง botnet

ทีมนักวิจัยภัยคุกคามทางไซเบอร์ Black Lotus Labs ของ Lumen รายงานการค้นพบ stealthy Linux malware ที่มีชื่อว่า AVrecon ได้แพร่กระจายไปยัง Linux-based small office/home office (SOHO) routers กว่า 70,000 เครื่อง เพื่อสร้าง botnet ที่ออกแบบมาเพื่อแอบใช้งานแบนด์วิดท์ และให้บริการ proxy ทำให้ Hacker สามารถนำไปใช้ในการฉ้อโกงโฆษณาดิจิทัล หรือโจมตีแบบ password spraying ได้ (more…)

Mirai botnet มุ่งเป้าการโจมตีไปยังช่องโหว่กว่า 22 รายการ ในอุปกรณ์ D-Link, Zyxel, Netgear

ทีมนักวิจัยจาก Unit 42 ของ Palo Alto Networks รายงานการพบแคมเปญการโจมตีโดยใช้ Mirai botnet ในการโจมตีต่อเนื่องกัน 2 แคมเปญ โดยพบการโจมตีตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเมษายน 2023 ซึ่งได้มุ่งเป้าหมายการโจมตีไปยังช่องโหว่กว่า 22 รายการ ในอุปกรณ์ D-Link, Arris, Zyxel, TP-Link, Tenda, Netgear และ MediaTek เพื่อควบคุมเครื่องเป้าหมาย และนำไปใช้ในการโจมตีแบบ Distributed Denial-of-Service (DDoS) ต่อไป (more…)

Zyxel ออกคำแนะนำในการปกป้องไฟร์วอลล์จากการโจมตีอย่างต่อเนื่องจากช่องโหว่

Zyxel ได้เผยแพร่คำแนะนำด้านความปลอดภัยที่มีคำแนะนำเกี่ยวกับการปกป้องไฟร์วอลล์ และอุปกรณ์ VPN จากการโจมตีอย่างต่อเนื่อง และการตรวจจับสัญญาณของการโจมตีจากช่องโหว่

คำเตือนดังกล่าวป็นการตอบสนองต่อการโจมตีโดยใช้ช่องโหว่ที่มีระดับความรุนแรงสูงหมายเลข CVE-2023-28771, CVE-2023-33009 และ CVE-2023-33010 อย่างกว้างขวาง ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์ VPN และไฟร์วอลล์ของ Zyxel

Zyxel พบว่ามี botnet ได้ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ CVE-2023-28771 เพื่อดำเนินการคำสั่งที่เป็นอันตรายจากระยะไกล (remote command execution) ผ่านแพ็กเก็ตที่เป็นอันตรายที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ รวมถึงช่องโหว่อีก 2 รายการ ได้แก่ CVE-2023-33009 และ CVE-2023-33010 ซึ่งเป็นช่องโหว่ buffer overflow ที่ทำให้ Hacker สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบสิทธิ์ และ denial of service (DoS) บนอุปกรณ์ที่มีช่องโหว่ หรือเรียกใช้โค้ดที่เป็นอันตรายจากระยะไกลได้

ตารางสรุปผลิตภัณฑ์ Zyxel ที่ได้รับผลกระทบ เวอร์ชันที่มีช่องโหว่ และเวอร์ชันอัปเดตความปลอดภัยสำหรับแต่ละรายการ

ลักษณะของปัญหา และการแก้ไข

Zyxel ระบุว่าลักษณะ หรือตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าอุปกรณ์ดังกล่าวได้ถูกโจมตีไปแล้ว นั่นคือการไม่ตอบสนอง และไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เฟซผู้ใช้งานบนเว็บ หรือ SSH management panel ของอุปกรณ์ได้ รวมไปถึงความไม่เสถียรของการเชื่อมต่อ และการ VPN

คำแนะนำของ Zyxel คือการอัปเดตแพตซ์ด้านความปลอดภัย ได้แก่ 'ZLD V5.36 Patch 2' สำหรับ ATP – ZLD, USG FLEX และ VPN-ZLD และ 'ZLD V4.73 Patch 2' สำหรับ ZyWALL

ทั้งนี้หากผู้ดูแลระบบยังไม่สามารถทำการอัปเดตความปลอดภัยได้ทันที ทาง Zyxel แนะนำให้ดำเนินมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการโจมตี ดังนี้

ปิดใช้บริการ HTTP/HTTPS จาก WAN (Wide Area Network) เพื่อลดความเสี่ยงจากการเข้าถึงระบบที่มีช่องโหว่จากภายนอก
หากผู้ดูแลระบบจำเป็นต้องจัดการอุปกรณ์ผ่าน WAN ควรเปิดใช้งาน 'Policy Control' และเพิ่ม Rules ที่อนุญาตเฉพาะที่อยู่ IP ที่เชื่อถือได้เท่านั้นในการเข้าถึงอุปกรณ์
ทำการเปิดใช้การกรอง GeoIP เพื่อจำกัดการเข้าถึงของผู้ใช้งาน/ระบบจากสถานที่ที่เชื่อถือได้เท่านั้น
ปิด UDP Port 500 และ Port 4500 หากไม่ได้ใช้งาน IPSec VPN ซึ่งเป็นการปิดช่องทางสำหรับการโจมตี

 

ที่มา : bleepingcomputer

มัลแวร์ RapperBot DDoS เพิ่มช่องหารายได้ใหม่ด้วย cryptojacking

พบตัวอย่างใหม่ของ RapperBot Botnet มีการเพิ่มฟังก์ชัน cryptojacking ที่มีความสามารถในการขุด Cryptocurrency บนคอมพิวเตอร์ที่ใช้ CPU Intel x64

ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงแรกผู้พัฒนามัลแวร์ได้เพิ่มความสามารถในการขุด Cryptocurrency ซึ่งแยกออกจากการทำงานของ Botnet จนกระทั่งในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาฟังก์ชันการขุด Cryptocurrency ก็ถูกรวมเข้ากับ Botnet ในที่สุด

แคมเปญการขุด Cryptocurrency ของ RapperBot

นักวิจัยของ Fortinet's FortiGuard Labs ติดตามปฏิบัติการของ RapperBot ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 และรายงานว่า RapperBot นั้นเน้นการโจมตีเซิร์ฟเวอร์ Linux SSH ด้วยวิธีการ brute-force และรวบรวมเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นเพื่อใช้ในการโจมตีแบบ DDoS

จากนั้นในเดือนพฤศจิกายน นักวิจัยพบการอัปเดตเวอร์ชันของ RapperBot ทีใช้การแพร่กระจายตัวเองผ่าน Telnet และรวบรวมคำสั่งที่เหมาะสมกับการโจมตีเซิฟเวอร์ของบริษัทเกม

โดยในสัปดาห์นี้ FortiGuard Labs มีการรายงานเกี่ยวกับเวอร์ชันของ RapperBot ที่มีการใช้ XMRig Monero เพื่อขุด Cryptocurrency บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ CPU Intel x64

นักวิจัยระบุว่าแคมเปญนี้เริ่มถูกนำมาใช้งานตั้งแต่เดือนมกราคม และกำหนดเป้าหมายไปที่อุปกรณ์ IoT เป็นหลัก

ปัจจุบันโค้ดสำหรับการขุด Cryptocurrency ได้ถูกรวมเข้ากับ RapperBot และได้รับการเข้ารหัสแบบ double-layer XOR ซึ่งสามาถซ่อน mining pools และ Monero mining addresses จากนักวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

FortiGuard Labs พบว่า Botnet ดังกล่าวได้มีการตั้งค่าการขุดจาก C2 เซิฟเวอร์ แทนการใช้งาน hardcoded static pool addresses และ multiple pool นอกจากนี้ยังมีการใช้กระเป่าเงินดิจิทัลหลายอันในการสำรองข้อมูล

IP ของ C2 มีการโฮสต์ mining proxy ไว้ 2 ตัว เพื่อให้การตรวจสอบ และติดตามยากยิ่งขึ้น นอกจากนี้หาก C2 เซิฟเวอร์ออฟไลน์ RapperBot เองก็มีการตั้งค่าให้ไปใช้ mining pool สาธารณะแทน

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขุดให้สูงสุด มัลแวร์ตัวนี้จะมีการตรวจสอบ และระบุ Process บนเครื่องของเหยื่อ หากพบ Process ของมัลแวร์ตัวอื่น ก็จะหยุดการทำงานของ Process ดังกล่าวอีกด้วย

ในการวิเคระห์ RapperBot เวอร์ชันล่าสุด binary network protocol ที่ใช้สำหรับการติดต่อกับ C2 เซิฟเวอร์ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยใช้วิธีการเข้ารหัสแบบ two-layer เพื่อหลบหลีกการตรวจจับ นอกจากนี้ขนาด และช่วงเวลาของการส่ง request ไปยังเซิร์ฟเวอร์ C2 นั้นถูกสุ่มให้มีความแต่กต่างกันเพื่อให้การเชื่อมต่อนั้นตรวจพบได้ยากขึ้น

ในขณะที่นักวิจัยยังไม่สังเกตเห็นคำสั่ง DDoS ที่ส่งมาจากเซิร์ฟเวอร์ C2 ไปยังตัวอย่างที่วิเคราะห์ได้ แต่พวกเขาพบว่าเวอร์ชันล่าสุดของ Bot รองรับคำสั่งดังต่อไปนี้:

Perform DDoS attacks (UDP, TCP, and HTTP GET)
Stop DDoS attacks
Terminate itself (and any child processes)

RapperBot ดูเหมือนจะพัฒนาอย่างรวดเร็ว และเพิ่มความสามารถต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มผู้โจมตี

เพื่อป้องกันอุปกรณ์จากการโจมตีของ RapperBot และมัลแวร์ที่คล้ายกัน

ผู้ใช้งานควรอัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ และปิด Service ที่ไม่จำเป็นต้องใช้งาน
เปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้นเป็นรหัสผ่านที่รัดกุม
ใช้ Firewall เพื่อ Block request ที่ไม่ได้รับอนุญาต

ที่มา : bleepingcomputer

ช่องโหว่ของ Realtek และ Cacti กำลังตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของ Botnet

Fortinet รายงานการพบ botnet หลายตัว กำลังมุ่งเป้าการโจมตีไปยังช่องโหว่ของ Cacti และ Realtek ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม 2023 โดยพบการแพร่กระจายของมัลแวร์ ShellBot และ Moobot เป็นหลัก

โดยของโหว่ที่ตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีคือ CVE-2021-35394 ซึ่งเป็นช่องโหว่ในการเรียกใช้โค้ดที่เป็นอันตรายจากระยะไกลใน Realtek Jungle SDK และ CVE-2022-46169 ช่องโหว่ command injection ใน fault management monitoring tool ของ Cacti ซึ่งทั้งสองช่องโหว่ดังกล่าว เคยถูกใช้โจมตีโดย botnet ตัวอื่นมาแล้ว เช่น Fodcha, RedGoBot, Mirai, Gafgyt และ Mozi

แม้ว่าจากรายงานของ Fortinet จะไม่ระบุอย่างชัดเจนว่า botnet ทั้งสองตัวอย่าง ShellBot และ Moobot มาจาก Hacker กลุ่มเดียวกัน แต่พบหลักฐานว่า botnet ทั้งสองตัวนี้ทำการโจมตีโดยใช้ช่องโหว่ในลักษณะเดียวกัน (more…)

HinataBot โจมตีช่องโหว่ของอุปกรณ์เราเตอร์ และเซิร์ฟเวอร์เพื่อนำมาใช้ในการโจมตีแบบ DDoS

Botnet ตัวใหม่ที่ใช้ภาษา Golang-based ชื่อ 'HinataBot' ได้โจมตีโดยใช้ช่องโหว่ของอุปกรณ์เราเตอร์ และเซิร์ฟเวอร์ เพื่อเข้าควบคุมระบบเพื่อนำมาใช้โจมตีแบบ DDoS

Akamai ระบุในรายงานทางเทคนิคว่า "ไบนารี่ของมัลแวร์ถูกตั้งชื่อตามตัวละครอนิเมะยอดนิยมอย่าง Naruto โดยมีโครงสร้างชื่อไฟล์เช่น 'Hinata-<OS>-<Architecture>'"

โดยมัลแวร์มีการใช้ช่องโหว่ของเซิร์ฟเวอร์ Hadoop YARN และช่องโหว่ของอุปกรณ์ Realtek SDK (CVE-2014-8361), และเราเตอร์ Huawei HG532 (CVE-2017-17215, CVSS score: 8.8) ในการโจมตีอุปกรณ์ของเหยื่อ

โดยช่องโหว่บนระบบที่ยังไม่ได้รับการอัปเดตแพตซ์ และรหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่าย จะตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้ โดยผู้โจมตีไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิค social engineering หรือเทคนิคในการโจมตีอื่น ๆ (more…)

“Prometei” Botnet เวอร์ชันใหม่แพร่ระบาดกว่า 10,000 ระบบทั่วโลก

มัลแวร์ Botnet เวอร์ชันอัปเดต ชื่อ "Prometei" ได้แพร่กระจายไปมากกว่า 10,000 ระบบทั่วโลกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022

การแพร่กระจายที่เกิดขึ้น มีรายงานว่าเหยื่อส่วนใหญ่อยู่ในประเทศบราซิล, อินโดนีเซีย และตุรกี

Prometei ถูกพบครั้งแรกในปี 2016 โดยเป็น Botnet ที่มีส่วนประกอบจำนวนมาก และมีหลากหลายวิธีในการการแพร่กระจาย เช่น การใช้ช่องโหว่ ProxyLogon ของ Microsoft Exchange Server

มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับผู้โจมตีที่อยู่เบื้องหลังว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับประเทศรัสเซีย เนื่องจาก Prometei หลีกเลี่ยงที่จะโจมตีเหยื่อที่อยู่ในประเทศรัสเซีย (more…)

GoBruteforcer มัลแวร์ตัวใหม่ใช้ภาษา Golang-Based โจมตีเว็บเซิร์ฟเวอร์ด้วยวิธีการ Brute-Force

พบมัลแวร์ตัวใหม่ที่ใช้ภาษา Golang ชื่อว่า 'GoBruteforcer' มุ่งเป้าหมายไปที่เซิร์ฟเวอร์ phpMyAdmin, MySQL, FTP, และ Postgres เพื่อเชื่อมโยงอุปกรณ์เข้า botnet

นักวิจัยของ Palo Alto Networks Unit 42 กล่าวว่า "GoBruterforcer ใช้ Classless Inter-Domain Routing (CIDR) block เพื่อสแกนเครือข่ายในระหว่างการโจมตี และมีเป้าหมายเป็นที่อยู่ IP ทั้งหมดของ CIDR range"

ผู้ไม่หวังดีใช้การสแกน CIDR block เพื่อเข้าถึงเครือข่ายเป้าหมายบน IP ที่แตกต่างกันภายในเครือข่าย แทนที่จะใช้ IP แบบเดียวเป็นเป้าหมาย (more…)

MyloBot Botnet แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทั่วโลกมากกว่า 50,000 เครื่องต่อวัน

BitSight บริษัทด้านความปลอดภัย ได้ค้นพบ Botnet ที่มีความน่าสนใจซึ่งมีการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วในชื่อ MyloBot โดยเหยื่อส่วนใหญ่อยู่ในประเทศอินเดีย สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย และอิหร่าน โดยพบว่ามีเครื่องที่ติด MyloBot เพิ่มเฉลี่ย 50,000 เครื่องต่อวัน ซึ่งพบว่าลดลงจากปี 2020 ที่มีติดเฉลี่ย 250,000 เครื่องต่อวัน (more…)

Microsoft: Sysrv botnet targets Windows, Linux servers with new exploits

Sysrv botnet กำหนดเป้าหมายเซิร์ฟเวอร์ Windows และ Linux ด้วยช่องโหว่ใหม่

Microsoft กล่าวว่า Sysrv botnet กำลังใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ใน Spring Framework และ WordPress เพื่อติดตั้งมัลแวร์ cryptomining บนเซิร์ฟเวอร์ Windows และ Linux ที่มีช่องโหว่

Microsoft ค้นพบมัลแวร์ Sysrv สายพันธุ์ใหม่ที่ชื่อว่า Sysrv-K ที่ถูกพัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้น และยังสามารถสแกนหา WordPress ที่ไม่ได้แพตช์ และมีการใช้ Spring

โดยทีม Microsoft Security Intelligence กล่าวในเธรดบน Twitter ถึง Sysrv-K ที่มีความสามารถเข้าควบคุมเว็บเซิร์ฟเวอร์ได้โดยใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ต่างๆ โดยช่องโหว่เหล่านี้ได้มีการแก้ไขแล้วด้วยการอัปเดตความปลอดภัย รวมถึงช่องโหว่เก่าใน WordPress plugins และช่องโหว่ใหม่ๆ เช่น CVE-2022-22947

CVE-2022-22947 เป็นช่องโหว่ Code injection บน Spring Cloud Gateway library ที่ทำให้ถูกโจมตีในรูปแบบ remote code execution บนระบบที่ยังไม่ได้อัปเดตแพตช์ได้ โดยในส่วนหนึ่งของความสามารถใหม่เหล่านี้ Sysrv-K จะสแกนหา configuration files และ backups ของ WordPress เพื่อขโมย database credentials และใช้ในการเข้าควบคุมเว็บเซิร์ฟเวอร์

Sysrv กำลังสแกนจากอินเทอร์เน็ต เพื่อหาเซิร์ฟเวอร์ Windows และ Linux ที่มีช่องโหว่ในองค์กร เพื่อติดตั้ง Monero (XMRig) miners และเพย์โหลดมัลแวร์อื่นๆ

ในการแฮ็กเข้าสู่เว็บเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ botnet จะใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในเว็บแอป และฐานข้อมูล เช่น PHPUnit, Apache Solar, Confluence, Laravel, JBoss, Jira, Sonatype, Oracle WebLogic และ Apache Struts

หลังจากติดตั้ง cryptocurrency miners และปรับใช้ payloads ของตัวเองแล้ว Sysrv ยังแพร่กระจายตัวเองโดยอัตโนมัติบนเครือข่ายผ่านการ brute force attacks โดยใช้ SSH private keys ที่รวบรวมจากเซิร์ฟเวอร์ที่ติดมัลแวร์ (เช่น bash history, ssh config, and known_hosts files)

botnet propagator จะสแกนไปบนอินเทอร์เน็ตเพื่อหาระบบ Windows และ Linux ที่มีช่องโหว่ให้มากขึ้น เพื่อทำการเพิ่ม Monero mining bots

ที่มา : www.