ผู้เชี่ยวชาญพบ Phishing แคมเปญที่ถูกใช้เพื่อส่งมัลแวร์ Matanbuchus

ผู้เชี่ยวชาญตรวจพบแคมเปญที่เป็นอันตราย โดยพบการส่งมัลแวร์ 'Matanbuchus' ผ่าน Phishing Email เพื่อติดตั้ง Cobalt Strike บนเครื่องที่ถูกบุกรุก ซึ่ง Cobalt Strike เป็นซอร์ฟแวร์ที่ใช้สำหรับการทดสอบการเจาะระบบ แต่ปัจจุบันมักถูกใช้ในการโจมตีเพื่อหาช่องทางการปล่อย Payloads อื่นๆที่เป็นอันตรายได้

รายละเอียดเบื้องต้น

Matanbuchus เป็นโครงการ Malware-as-a-Service (MaaS) ที่ถูกพบครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มีการโฆษณาบน Dark Web โดยโปรโมตว่าสามารถรันไฟล์ exe ได้โดยตรงบน System ของเครื่อง

จากนั้นผู้เชี่ยวชาญจาก Palo Alto Networks ได้ทำวิเคราะห์มัลแวร์เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 และทำการรวบรวมข้อมูลเพื่อทำการ Mapping Network Path และ Infrastructure ของมัลแวร์ รวมไปถึงคำสั่งบน PowerShell ที่ใช้ในการติดตั้ง Payloads

ลักษณะการโจมตี

ปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญชื่อ Brad Duncan ได้นำตัวอย่างมัลแวร์มาตรวจสอบการทำงาน สรุปได้ดังนี้

1. หัวข้อของ Subject จะขึ้นต้นด้วยคำว่า RE: เพื่อหลอกให้ผู้ใช้งานว่าเป็นอีเมลตอบกลับการสนทนาที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
2. ในอีเมลจะมีไฟล์ ZIP ที่ข้างในมีไฟล์ HTML อยู่ มันจะทำหน้าที่สร้างไฟล์ ZIP ใหม่อีกอัน ซึ่งข้างในเป็นไฟล์ MSI ที่มีลายเซ็นแบบดิจิทัลด้วยใบรับรองที่ออกโดย DigiCert ให้กับ "Westeast Tech Consulting, Corp"

3. หากผู้ใช้งานคลิกติดตั้งไฟล์ .MSI จะมีหน้า Install ขึ้นมา ซึ่งลักษณะ Fonts จะเป็น Adobe Acrobat catalog update จากนั้นจะมีรายงานว่ามีการติดตั้งผิดพลาด เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเป้าหมายจากสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลัง
4. สิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลังการติดตั้งไฟล์ MSI ปลอมคือ Payloads Matanbuchus สองรายการ ("main.

Microsoft ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ zero-day Follina บน Windows ที่กำลังถูกใช้โจมตีอยู่ในปัจจุบัน

Microsoft ได้เผยแพร่การอัปเดตด้านความปลอดภัยบน Windows ในรอบเดือนมิถุนายน 2565 เพื่อแก้ไขช่องโหว่ระดับ Critical บน Windows ที่ถูกเรียกว่า Follina และกำลังถูกใช้ในการโจมตีอย่างต่อเนื่อง

"Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้งานอัปเดตแพตช์เพื่อป้องกันการโจมตีจากช่องโหว่ดังกล่าว แต่หากมีการตั้งค่าให้มีการอัปเดตแพตช์เองโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมอีก" Microsoft ระบุในคำแนะนำการอัปเดต

ช่องโหว่หมายเลข CVE-2022-3019 เป็นช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในการเรียกใช้โค้ดที่เป็นอันตรายจากระยะไกลบน Microsoft Windows Support Diagnostic Tool (MSDT) ที่ส่งผลกระทบกับ Windows ทุกเวอร์ชัน

ผู้โจมตีที่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ดังกล่าวได้สำเร็จ จะสามารถสั่งรันโค้ดที่เป็นอันตราย เพื่อติดตั้งโปรแกรม ดู เปลี่ยนแปลง หรือลบข้อมูล หรือแม้แต่สร้างบัญชี Windows ใหม่ได้

นักวิจัยด้านความปลอดภัย nao_sec เป็นผู้พบช่องโหว่ดังกล่าว ที่พบว่าผู้โจมตีจะสามารถสั่งรัน PowerShell ที่เป็นอันตรายผ่าน MSDT โดยที่ Microsoft อธิบายว่าเป็นการโจมตีในรูปแบบ Arbitrary Code Execution (ACE) เมื่อเปิด หรือ preview เอกสาร Word

การอัปเดตในครั้งไม่ได้ป้องกัน Microsoft Office จากการโหลด Windows protocol URI handler โดยอัตโนมัติ แต่จะใช้วิธีบล็อกการทำงานจาก PowerShell injection เพื่อปิดช่องทางการโจมตีในรูปแบบนี้

พบการโจมตีอย่างต่อเนื่อง

ช่องโหว่ Follina ถูกใช้ในการโจมตีมาระยะหนึ่งแล้ว ตามที่นักวิจัยด้านความปลอดภัยของ Proofpoint เปิดเผยว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ TA413 ของจีนใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในการโจมตีที่กำหนดเป้าหมายไปยังชาว Tibetan และกลุ่มผู้โจมตีบางกลุ่มก็ใช้การโจมตีแบบฟิชชิงกับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป

ตอนนี้ช่องโหว่ Follina กำลังถูกใช้โดยกลุ่ม TA570 ซึ่งใช้แคมเปญฟิชชิ่งจากช่องโหว่ดังกล่าวเพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ Qbot

CrazymanArmy ของ Shadow Chaser Group นักวิจัยด้านความปลอดภัยที่เคยรายงาน Zero-day ดังกล่าวไปให้กับ Microsoft ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาระบุว่า Microsoft ปฏิเสธการแจ้งเตือนในครั้งแรกของเขาว่าไม่ใช่ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย แต่สุดท้ายหลังจากมีการปิดหัวข้อการแจ้งเตือนดังกล่าว ระบบของ Microsoft กลับระบุว่าการแจ้งเตือนของเขาเป็นช่องโหว่แบบ Remote code execution

ที่มา: bleepingcomputer.

แฮ็กเกอร์แฝงตัวอยู่บนระบบ SQL Server โดยการใช้ Built-in Utility

เมื่อวันอังคารที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา Microsoft ได้แจ้งเตือนการตรวจพบแคมเปญที่เป็นอันตราย โดยมีเป้าหมายการโจมตีไปยัง SQL Server โดยการใช้ Built-in PowerShell binary เพื่อพยายามแฝงตัวอยู่บนเครื่องเหยื่อให้ได้นานที่สุด

รายละเอียดการโจมตี

การโจมตีดังกล่าวเกิดจากยูทิลิตี้ชื่อ sqlps.

กลุ่มแฮ็กเกอร์ชาวอิหร่าน MuddyWater กำลังใช้มัลแวร์ตัวใหม่เพื่อโจมตีไปยังองค์กรต่างๆทั่วโลก

หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จากสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยมัลแวร์ตัวใหม่ที่ใช้โดยกลุ่ม APT ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอิหร่านในการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังรัฐบาล และเครือข่ายการค้าทั่วโลก

ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันเช่นเดียวกันจากสำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (FBI) สำนักงานความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และโครงสร้างพื้นฐาน (CISA) กองกำลังปฏิบัติการทางไซเบอร์แห่งชาติของสหรัฐฯ (CNMF) และศูนย์ความมั่นคงทางไซเบอร์แห่งชาติ (NCSC)

ในปีนี้กลุ่ม MuddyWater ถูกเปิดเผยว่ากำลังดำเนินการภายใต้ปฏิบัติการของกระทรวงข่าวกรอง และความมั่นคงของอิหร่าน (MOIS) ที่มุ่งเป้าไปยังองค์กรภาครัฐ และเอกชนหลายราย รวมถึงผู้ให้บริการโทรคมนาคม การป้องกันประเทศ รัฐบาลท้องถิ่น และภาคอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ในเอเชีย แอฟริกา ยุโรป และอเมริกาเหนือ

กลุ่ม MuddyWater ยังเป็นที่รู้จักภายใต้ชื่อ Earth Vetala, MERCURY, Static Kitten, Seedworm และ TEMP.Zagros โดยมีเป้าหมายในการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์ของ MOIS มาตั้งแต่ปี 2018

(more…)

Microsoft ออกสคริปช่วยบรรเทาผลกระทบจากช่องโหว่ใน Exchange

Microsoft ออก Exchange On-premises Mitigation Tool (EOMT) ซึ่งเป็นสคริป PowerShell เพื่อช่วยองค์กรขนาดเล็กในการบรรเทาผลกระทบจากช่องโหว่ ProxyLogon ใน Exchange โดยสคริปดังกล่าวรองรับ Exchange 2013, 2016 และ 2019 โดยสคริปดังกล่าวจะ

ตรวจสอบว่ามีช่องโหว่หรือไม่
บรรเทาผลกระทบจากช่องโหว่ CVE-2021-26855 ด้วย URL Rewrite configuration
ดาวน์โหลดและรัน Microsoft Safety Scanner เพื่อค้นหา webshell ที่อาจมีฝังไว้
ลบไฟล์อันตรายที่ Microsoft Safety Scanner พบ

Microsoft ระบุว่าสคริปดังกล่าวเป็นเพียงการบรรเทาผลกระทบชั่วคราวเท่านั้น ผู้ดูแลระบบควรอัปเดตแพตช์จะเป็นการดีที่สุด สามารถอ่านรายละเอียดของสคริปดังกล่าวได้ที่ microsoft

ที่มา msrc-blog

European Banking Authority ปิดระบบอีเมลทั้งหมดหลังจากที่เซิร์ฟเวอร์ Microsoft Exchange ถูกแฮกด้วยช่องโหว่ Zero-day

European Banking Authority (EBA) ได้ทำการปิดระบบอีเมลทั้งหมดหลังจากที่เซิร์ฟเวอร์ Microsoft Exchange ของ EBA ถูกแฮกด้วยช่องโหว่ Zero-day ที่ถูกพบในเซิร์ฟเวอร์ Microsoft Exchange ซึ่งการโจมตีด้วยช่องโหว่ดังกล่าวกำลังกระจายไปอย่างต่อเนื่องและถูกกำหนดเป้าหมายไปยังองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก

ในสัปดาห์ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ได้ออกเเพตช์ฉุกเฉินสำหรับแก้ไขช่องโหว่ Zero-day ซึ่งช่องโหว่จะส่งผลผลกระทบต่อเซิร์ฟเวอร์ Microsoft Exchange หลายเวอร์ชันและพบการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในการโจมตีอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มแฮกเกอร์

EBA เป็นหน่วยงานส่วนหนึ่งของระบบการกำกับดูแลทางการเงินของสหภาพยุโรปและดูแลการทำงานของภาคธนาคารในสหภาพยุโรป การสืบสวนกำลังถูกดำเนินการเพื่อระบุว่ามีการเข้าถึงข้อมูลใดบ้าง ทั้งนี้คำแนะนำเบื้องต้นที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้ระบุว่าผู้โจมตีอาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์อีเมล แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่พบสัญญาณของการบุกรุกข้อมูลและการสืบสวนยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง EBA จะปรับใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมและดูแลอย่างใกล้ชิดในมุมมองของการฟื้นฟูการทำงานอย่างเต็มรูปแบบของเซิร์ฟเวอร์อีเมล

หน่วยงาน CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ได้ออกแจ้งเตือนถึงการใช้ช่องโหว่ Zero-day ของ Microsoft Exchange Server ทั้งในและต่างประเทศอย่างกว้างขวาง โดยเรียกร้องให้ผู้ดูแลระบบใช้เครื่องมือตรวจจับ Indicators of Compromise (IOC) ของ Microsoft เพื่อตรวจหาสัญญาณการบุกรุกภายในองค์กร

ทั้งนี้ Microsoft ได้ออกเครื่องมือ Microsoft Safety Scanner (MSERT) เพื่อใช้ตรวจจับเว็บเชลล์ที่ถูกใช้ในการโจมตีและสคริปต์ PowerShell เพื่อค้นหา IOC ใน log file บน Exchange และ OWA ผู้ดูแลระบบสามารถโหลด MSERT ได้ที่: microsoft

สำหรับสคริปต์ PowerShell สามารถโหลดได้ที่: github

ที่มา: bleepingcomputer

กลุ่มแฮกเกอร์รับจ้างใช้เครืองมือเเฮกชนิดใหม่ที่ชื่อ PowerPepper ในการโจมตีผู้ใช้ล่าสุด

นักวิจัยด้านความปลอดภัยของ Kaspersky ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแบ็คดอร์ PowerShell ใน Windows ที่พึ่งมีการค้นพบ โดยแบ็คดอร์ที่มีการค้นพบนั้นถูกระบุชื่อว่า PowerPepper ตามภาษาที่ถูกใช้เพื่อพัฒนาแบ็คดอร์ เชื่อว่าเป็นแบ็คดอร์ที่ถูกพัฒนามาจากกลุ่ม Advanced Persistent Threat (APT) รับจ้างที่มีชื่อว่า DeathStalker

กลุ่ม DeathStalker เป็นกลุ่ม APT ที่ถูกพบครั้งเเรกในปี 2012 โดยมีการกำหนดเป้าหมายการโจมตีไปยังกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลางในหลายสิบประเทศตามคำขอของลูกค้าที่ทำการว่าจ้าง กิจกรรมการโจมตีที่ถูกตรวจพบว่ามีการใช้ PowerPepper ถูกพบครั้งแรกเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา การโจมตีส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วยอีเมล Spear-phishing ที่มีไฟล์เอกสาร Word ที่เป็นอันตราย ซึ่งเมื่อคลิกแล้วจะดาวน์โหลดและเรียกใช้สคริปต์ PowerShell ชื่อ Powersing เพื่อดำเนินการรันคำสั่งอันตราย จากนั้นมัลแวร์จะใช้ประโยชน์จากโปรโตคอล DNS-over-HTTPS (DoH) เป็นช่องทางการสื่อสารจากเซิร์ฟเวอร์ Command and Control (C&C) ของผู้ประสงค์ร้าย

เพื่อเป็นการป้องกันการตกเป็นเหยื่อผู้ใช้ควรระมัดระวังในการเปิดเอกสารที่แนบมากับอีเมล หรือคลิกลิงก์ในอีเมลจากผู้ส่งที่ไม่รู้จัก หรือผู้ดูแลระบบควรทำจำกัดการใช้งาน PowerShell บนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ด้วยอีกทางหนึ่ง

ที่มา: thehackernews | securityweek

US shares info on Russian malware used to target parliaments, embassies

หน่วย US Cyber Command เผยแพร่ข้อมูลแบ็คดอร์ซึ่งถูกใช้โดยรัสเซีย พุ่งเป้าหน่วยงานราชการในหลายประเทศ

หน่วย US Cyber Command เผยแพร่ข้อมูลแบ็คดอร์ที่ถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์ Turla และ APT28 ซึ่งเชื่อว่ามีรัฐบาลรัสเซียหนุนหลังปฏิบัติการ กลุ่ม Turla พุ่งเป้าหน่วยงานราชการในหลายประเทศ โดยมีประวัติการโจมตีกองบัญชาการกลางของกองทัพสหรัฐฯ, กระทรวงกลาโหมและองค์การนาซ่าด้วย

ข้อมูลของมัลแวร์ที่เผยแพร่ออกมานั้นมีสองส่วน ส่วนแรกเป็นสคริปต์ซึ่งเกี่ยวข้องกับมัลแวร์ ComRAT ในลักษณะของสคริปต์ PowerShell (https://us-cert.

กลุ่มเรียกค่าไถ่ SunCrypt ปรับแผน ส่งพระรอง “DDoS attack” มาช่วยกระตุ้นให้เหยื่อรีบจ่ายค่าไถ่

กลุ่มแฮกเกอร์ซึ่งอยู่เบื้องหลังการแพร่กระจายของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ SunCrypt ซึ่งมีเอกลักษณ์ของการเป็นมัลแวร์เรียกค่าที่ไฟล์มัลแวร์เป็นโค้ด PowerShell นั้นมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธิ์ในการกระตุ้นให้เหยื่อจ่ายค่าไถ่โดยการโจมตีแบบ DDoS ใส่ระบบ

DDoS extortion เป็นหนึ่งในวิธีการโจมตีซึ่งมีมานานแล้วและเคยได้รับความนิยมอยู่ช่วงหนึ่ง อ้างอิงจากการรายงานของ Bleeping Computer พฤติกรรมของ SunCrypt แตกต่างจากการทำ DDoS extortion โดยตรงเนื่องจากการโจมตีแบบ DDoS ในรูปแบบนี้เป็นเพียง "พระรอง" ในการกระตุ้นให้เหยื่อรีบจ่ายค่าไถ่หลังจากที่ "พระเอก" คือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ทำการเข้ารหัสข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว

จากประสบการณ์ของทางไอ-ซีเคียว วิธีการในลักษณะนี้ถือเป็นลักษณะหนึ่งของการโจมตีแบบ social engineering เช่นเดียวกับการสร้างเงื่อนไขการเพิ่มขึ้นของค่าไถ่หากไม่จ่ายในเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตามวิธีการนี้อาจส่งผลด้านลบต่อธุรกิจของ ransomware มากกว่าเมื่อเทียบกับการเรียกค่าไถ่ให้สูง แล้วรอให้เหยื่อมาต่อราคาลงถึงจุดที่รับได้ เนื่องจากเหยื่ออาจมีความยินดีที่จะจ่ายมากกว่า

ที่มา : bleepingcomputer

Bug in Facebook Messenger for Windows Could’ve Helped Malware Gain Persistence

บัคใน Facebook Messenger สำหรับ Windows ช่วยในการฝังตัวของมัลแวร์ในระบบได้

Reason Labs มีการเปิดเผยถึงรายละเอียดช่องโหว่ในโปรแกรม Facebook Messenger สำหรับ Windows
ผู้โจมตีสามารถใช้ช่องโหว่ในแอปพลิเคชัน Messenger รุ่น 460.16 บน Windows ในการเอ็กซีคิวต์และช่วยในการฝังตัวของมัลแวร์ในระบบได้

การฝังตัวนี้เกิดขึ้นเมื่อ Facebook Messenger มีการเรียกการทำงาน Windows PowerShell จาก C:\Python27 พาธนี้มักจะถูกสร้างเมื่อมีการติดตั้ง Python เวอร์ชัน 2.7 โดยไม่ได้มีอยู่ในการติดตั้งทั่วไปของ Windows ด้วยพฤติกรรมในลักษณะนี้ผู้โจมตีสามารถแทนที่ไฟล์หรือโปรแกรมที่ Facebook Messenger เรียกและไม่มีอยู่จริงนั้นด้วยไฟล์หรือโปรแกรมที่เป็นอันตรายได้

ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขในเวอร์ชัน 480.5 ผู้ใช้ที่ใช้งานในเวอร์ชันที่มีปัญหาควรทำการอัปเดตทันที

ที่มา:thehackernews