Palo Alto Networks เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเฝ้าติดตามความพยายามเข้าสู่ระบบด้วยวิธี brute-force ที่มุ่งเป้าไปยัง GlobalProtect gateways บน PAN-OS ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากนักวิเคราะห์ด้านภัยคุกคามออกมาเตือนถึงแนวโน้มของการสแกนเพื่อพยายามเข้าสู่ระบบในลักษณะที่ผิดปกติ และมีเป้าหมายไปที่อุปกรณ์ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
โฆษกของ Palo Alto Networks ให้ข้อมูลกับ The Hacker News ว่า ทีมงานตรวจพบพฤติกรรมที่เข้าข่ายการโจมตีด้วยรหัสผ่าน เช่น การพยายามเข้าสู่ระบบแบบ brute-force แต่ยังไม่พบหลักฐานว่ามีการเจาะระบบผ่านช่องโหว่ใดโดยตรง โดยทางบริษัทกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมวิเคราะห์พฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และพิจารณาความจำเป็นในการใช้มาตรการป้องกันเพิ่มเติม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัท GreyNoise ซึ่งเชี่ยวชาญด้านข่าวกรองภัยคุกคาม ออกมาแจ้งเตือนถึงการเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของการสแกนเพื่อพยายามเข้าสู่ระบบในลักษณะที่ผิดปกติ โดยมุ่งเป้าไปยัง GlobalProtect portals บน PAN-OS
GreyNoise ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2025 และพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดด้วยจำนวน IP addresses ไม่ซ้ำกันกว่า 23,958 รายการ ก่อนที่แนวโน้มจะเริ่มลดลงในช่วงปลายเดือน รูปแบบของการดำเนินการนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่มีการประสานงานกันในการสำรวจระบบเครือข่าย เพื่อค้นหาระบบที่เปิดให้เข้าถึง หรือมีช่องโหว่ที่สามารถใช้โจมตีได้
การสแกนเพื่อพยายามเข้าสู่ระบบในครั้งนี้ มุ่งเป้าไปที่ระบบในสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์, รัสเซีย และสิงคโปร์เป็นหลัก
ปัจจุบันยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าความพยายามเหล่านี้มีการแพร่กระจายไปในวงกว้างแค่ไหน หรือเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ผู้โจมตีรายใดเป็นพิเศษ โดย The Hacker News ได้ติดต่อไปยัง Palo Alto Networks เพื่อขอความคิดเห็นเพิ่มเติม และจะมีการอัปเดตเนื้อหาเมื่อได้รับข้อมูลตอบกลับ
ในระหว่างนี้ บริษัทแนะนำให้ผู้ใช้งานตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบกำลังใช้ PAN-OS เวอร์ชันล่าสุด พร้อมทั้งดำเนินมาตรการเสริมเพื่อเพิ่มความปลอดภัย เช่น การบังคับใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัย (MFA), การตั้งค่า GlobalProtect ให้รองรับการแจ้งเตือน MFA, การกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัยเพื่อช่วยตรวจจับ และป้องกันการโจมตีแบบ brute-force, รวมถึงการจำกัดการเปิดให้สามารถเข้าถึงระบบจากอินเทอร์เน็ตเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ที่มา : thehackernews