จากเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2019 ทีม KnownSec 404 จาก ZoomEye ประกาศการค้นพบช่องโหว่ระดับวิกฤติใน Oracle WebLogic Server ได้รับ CVE-2019-2725 ช่องโหว่ดังกล่าวกระทบ Oracle WebLogic Server รุ่น 10.x และรุ่น 12.1.3.0 เป็นช่องโหว่ที่สามารถรันคำสั่งจากระยะไกลได้ (remote code-execution) โดยที่ผู้โจมตีไม่จำเป็นต้องทำการเข้าสู่ระบบดังกล่าว ด้วยความร้ายแรงของช่องโหว่นี้ทำให้ Oracle ได้ออกแพตช์เฉพาะกิจมาเพื่อแก้ไขช่องโหว่ดังกล่าวในวันที่ 26 เมษายน 2019
โดยหลังจากที่ออกแพตช์ไม่นาน (2 พฤษภาคม 2019) นักวิจัยจากบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์หลายบริษัทพบการโจมตี Oracle WebLogic Server รวมถึงมีการเผยแพร่ POC สำหรับค้นหาและโจมตีช่องโหว่ CVE-2019-2725 จำนวนมาก รวมถึงมีข่าวการโจมตีผ่านช่องโหว่ CVE-2019-2725 ด้วยมัลแวร์หลายครั้ง
หลังจากที่ได้ทำการศึกษาและทดสอบช่องโหว่ สำหรับในบล็อกนี้ทีมตอบสนองการโจมตีและภัยคุกคาม (Intelligent Response) จากบริษัท ไอ-ซีเคียว จำกัด จะมาเล่าการทดสอบช่องโหว่ดังกล่าวให้ฟังกันโดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นหัวข้อดังต่อไปนี้
รายละเอียดเกี่ยวกับช่องโหว่ CVE-2019-2725
สมมติฐานในการทดสอบช่องโหว่ CVE-2019-2725
วิธี setup เพื่อทดสอบช่องโหว่ CVE-2019-2725
ปัญหาในการทดสอบช่องโหว่ CVE-2019-2725
การทดสอบช่องโหว่ CVE-2019-2725 และ
สรุปการทดสอบช่องโหว่ CVE-2019-2725
คำเตือน: การทดสอบนี้เป็นไปเพื่อการศึกษาเท่านั้น
รายละเอียดเกี่ยวกับช่องโหว่ CVE-2019-2725
ช่องโหว่ CVE-2019-2725 ถูกพูดถึงครั้งแรกใน CHINA NATIONAL VULNERABILITY DATABASE ใช้ชื่อว่า CNTA-2019-0014 เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2019 ส่งผลกระทบกับ Oracle WebLogic Server 10.X และ Oracle WebLogic Server 12.1.3
KnownSec 404 Team ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้แจ้งช่องโหว่ดังกล่าวไปยัง Oracle ได้เขียนสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับช่องโหว่ว่าเกิดจากส่วนประกอบ wls9_async และ wls-wsat ซึ่งทำให้เกิดช่องโหว่ Deserialization Remote Command Execution ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลไปยังระบบที่มีช่องโหว่ได้ โดยที่ผู้โจมตีไม่จำเป็นต้องทำการเข้าสู่ระบบดังกล่าวและคำสั่งดังกล่าวจะรันด้วยสิทธิ์เดียวกันกับสิทธิ์ของ Oracle WebLogic Server
ด้วยความร้ายแรงของช่องโหว่นี้ทำให้ Oracle ได้ออกแพตช์เฉพาะกิจมาเพื่อแก้ไขช่องโหว่ดังกล่าวในวันที่ 26 เมษายน 2019 โดยอัปเดตเป็น Oracle WebLogic Server รุ่น 12.2.1
หลังจากที่มีการประกาศการแก้ไขช่องโหว่ได้ไม่นานได้มีผู้เผยแพร่ POC ออกมาเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีการเขียน Exploits สำหรับ Metasploit ออกมาอีกด้วย รวมถึงมีข่าวการโจมตีผ่านช่องโหว่ CVE-2019-2725 ด้วยมัลแวร์หลายครั้ง เช่น โจมตีด้วย Sodinokibi ransomware
ไม่ใช่ทุก POC และ Exploits ที่เผยแพร่จะใช้ได้เสมอไป
อ้างอิงจากที่ทีม KnownSec 404 ได้เล่ารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้นพบช่องโหว่ดังกล่าวใน WebLogic RCE (CVE-2019-2725) Debug Diary ว่า CVE-2019-2725 ที่เกิดจากความสำเร็จในการ bypass ตัว blacklist ที่ Oracle ใช้ป้องกัน CVE 2017-10271
ทำให้สามารถสรุปได้ว่า WebLogic 10.X จะมีทั้งช่องโหว่ CVE 2017-10271 และ CVE-2019-2725 แต่ WebLogic 12.1.3 จะมีช่องโหว่แค่ช่องโหว่ CVE-2019-2725 เท่านั้น
ซึ่งบาง POC และบาง Exploits ที่ถูกเผยแพร่ออกมาจะใช้ได้กับ CVE 2017-10271 ซึ่งใช้กับ WebLogic 12.1.3 ไม่ได้
ดังนั้นเมื่ออยากจะทำการทดสอบ CVE-2019-2725 จึงควรใช้ WebLogic 12.1.3 เพื่อให้มั่นใจว่า POC ที่นำมาทดสอบสามารถใช้ได้จริง
โดยการโจมตี CVE-2019-2725 จะเกิดจากการส่ง http request ที่ทำเป็นพิเศษไปยังส่วนที่มีช่องโหว่คือ wls9_async และ wls-wsat ซึ่ง https://sissden.