Apple ออกแพตซ์อัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-day สำหรับ iOS, iPadOS, macOS และ Safari [EndUser]

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 เม.ย. 2566) Apple ออกแพตซ์อัปเดตด้านความปลอดภัยสำหรับ iOS, iPadOS, macOS และเว็บเบราว์เซอร์ Safari เพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-day สองรายการที่กำลังถูกใช้ในการโจมตีอยู่ในปัจจุบัน (more…)

Apple ออกอัปเดตฉุกเฉิน แก้ไขช่องโหว่ Zero-day ที่ถูกใช้ในการแฮ็กเครื่อง Mac และ Apple Watch

Apple ออกแพตช์อัปเดตด้านความปลอดภัยเพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-day ที่ผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในการโจมตีไปยังอุปกรณ์ Mac และ Apple Watch

ในคำแนะนำด้านความปลอดภัยที่ออกมาเมื่อวันจันทร์จาก Apple มีการระบุว่าทาง Apple ได้รับทราบถึงรายงานของช่องโหว่ด้านความปลอดภัยนี้แล้ว และยังคาดว่าอาจมีการนำไปใช้ในการโจมตีจริง นักวิจัยที่ไม่ได้ระบุชื่อเป็นผู้รายงานช่องโหว่ดังกล่าว และได้รับการแก้ไขจาก Apple ใน macOS Big Sur 11.6, watchOS 8.6 และ tvOS 15.5 โดยช่องโหว่เกิดจาก out-of-bounds write issue (CVE-2022-22675) ใน AppleAVD (kernel extension สำหรับการถอดรหัสเสียง และวิดีโอ) ที่ทำให้แอปสามารถสั่งรันโค้ดได้ตามต้องการด้วยสิทธิ์ของ kernel

อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ Apple Watch Series 3 หรือใหม่กว่า, Mac ที่ใช้ macOS Big Sur, Apple TV 4K, Apple TV 4K (รุ่นที่ 2) และ Apple TV HD

แม้ว่า Apple ได้เปิดเผยรายงานว่าคาดว่าน่าจะมีการโจมตีเกิดขึ้นจริงแล้ว แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโจมตีดังกล่าว

Apple ตั้งเป้าอัปเดตด้านความปลอดภัยบน Apple Watch และ Mac ให้กับผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุด ก่อนที่ผู้โจมตีจะรู้รายละเอียดของ Zero-day และเริ่มนำมาปรับใช้ในการโจมตีส่วนอื่นๆ แม้ว่า Zero-day นี้ส่วนใหญ่จะใช้โจมตีได้แค่บางอุปกรณ์เท่านั้น แต่ทาง Apple ก็แนะนำให้ผู้ใช้งานรีบอัปเดต macOS และ watchOS โดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจจะเกิดขึ้น

5 Zero-days ที่ถูกแพตช์ในปี 2022

ในเดือนมกราคม Apple ได้ทำการแพตช์ Zero-days อีกสองตัวที่ถูกใช้ในการโจมตีเป็นวงกว้าง โดยผู้โจมตีสามารถเรียกใช้โค้ดด้วยสิทธิ์เคอร์เนล (CVE-2022-22587) และเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานเว็บไซต์, ข้อมูลประจำตัวผู้ใช้แบบเรียลไทม์ (CVE-2022-22594)

หนึ่งเดือนต่อมา Apple ได้เผยแพร่การอัปเดตด้านความปลอดภัยเพื่อแก้ไขช่องโหว่ Zero-days (CVE-2022-22620) ใหม่ ซึ่งถูกใช้ในการแฮ็ก iPhone, iPad และ Mac ซึ่งสามารถทำให้เกิด OS crashes รวมถึงการสั่งรันโค้ดที่เป็นอันตรายบนอุปกรณ์ Apple ที่ถูกโจมตีได้

ในเดือนมีนาคมก็มีการพบ Zero-days อีกสองตัวใน Intel Graphics Driver (CVE-2022-22674) และ AppleAVD media decoder (CVE-2022-22675) ใน macOS เวอร์ชันเก่า, watchOS 8.6 และ tvOS 15.5

Zero-days ทั้ง 5 นี้ส่งผลกระทบต่อ iPhone (iPhone 6s ขึ้นไป), Mac ที่ใช้ macOS Monterey และ iPad หลายรุ่น

ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมา Apple ยังได้ออกแพตซ์แก้ไขช่องโหว่ Zero-days อีกจำนวนมากที่ถูกมุ่งเป้าโจมตีไปยังอุปกรณ์ iOS, iPadOS และ macOS

ที่มา: bleepingcomputer

Apple ออกแพตซ์อัปเดตเร่งด่วน ช่องโหว่ Zero-Day จำนวน 2 ช่องโหว่

Apple ออกแพตซ์อัปเดทด้านความปลอดภัย ซึ่งเกี่ยวกับช่องโหว่ Zero-day จำนวน 2 ช่องโหว่ ได้แก่

Apple Bulletin HT213219: ช่องโหว่ในการทำงานของ Kernel code CVE-2022-22675 บน iOS และ iPadOS แนะนำให้อัปเดทเป็นเวอร์ชัน 15.4.1
Apple Bulletin HT213220: ช่องโหว่ในการทำงานของ Kernel code CVE-2022-22675 และ ช่องโหว่ kernel data leakage CVE-2022-22674 บน macOS Monterey แนะนำให้อัปเดทเป็นเวอร์ชัน 12.3.1
โดย iOS, iPadOS หรือ macOS เวอร์ชันก่อนหน้านี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่ดังกล่าว หรืออีกกรณีหนึ่งก็คือยังไม่มีการออกอัปเดทสำหรับเวอร์ชันเหล่านั้นออกมา

Apple ยังไม่ได้ประกาศเกี่ยวกับเวอร์ชันอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับการอัปเดต ดังนั้นผู้ใช้งานจึงยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเวอร์ชันเหล่านั้นจะไม่ได้รับผลกระทบ ต้องรอการอัปเดตจากทาง Apple ต่อไป

ในรายการอัปเดตของ Apple รายการที่ HT201222 ระบุถึงการอัปเดต tvOS 15.4.1 และ watchOS 8.5.1 แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าการอัปเดตเหล่านี้ "ยังไม่มีระบุเลข CVE ของช่องโหว่"

(more…)

Apple ปล่อยแพตช์ความปลอดภัย ช่องโหว่บางรายการถูกใช้โจมตีแล้ว

Apple ประกาศแพตช์ด้านความปลอดภัยเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา โดยแพตช์ซึ่งออกมานั้นมีการปิดการโจมตีช่องโหว่ zero-day ทั้ง 3 รายการใน iOS ซึ่งตรวจพบว่าถูกใช้โดยผู้ไม่ประสงค์ดีแล้วโดย Google Project Zero

Google Project Zero ตรวจพบว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีกำลังใช้ช่องโหว่ 3 รายการได้แก่ CVE-2020-27930, CVE-2020-27932 และ CVE-2020-27950 ในการโจมตีจริง ช่องโหว่แรกนั้นเป็นช่องโหว่ memory corruption ในไลบรารี FontParser ซึ่งทำให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดที่เป็นอันตรายจากไฟล์ฟอนต์แบบพิเศษได้ สองช่องโหว่ที่เหลือเป็นช่องโหว่สำหรับยกระดับสิทธิ์ และช่องโหว่ที่ช่วยข้ามผ่านมาตราการด้านความปลอดภัย

อุปกรณ์ที่ได้รับการแพตช์ได้แก่ iOS, iPadOS, macOS และ watchOS ซึ่งสามารถทำได้อัปเดตได้ทันทีจากหน้าต่างการตั้งค่าของอุปกรณ์ ขอให้ทำการอัปเดตทันทีเพื่อลดความเสี่ยงจากช่องโหว่

ที่มา: thehackernews

Apple ได้ทำการแก้ไขมากกว่า 50 ช่องโหว่ใน macOS Catalina

 

การอัปเดตด้านความปลอดภัยของ Apple ในสัปดาห์นี้กล่าวถึงช่องโหว่มากมายใน macOS Catalina, iOS และ iPadOS, Safari และผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์อื่น ๆ

macOS Catalina ได้รับแพตช์สำหรับช่องโหว่จำนวนมากที่สุดคือ 52 ส่วน ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ tcpdump โดยมีช่องโหว่ทั้งหมด 32 ช่อง Apple แก้ไขข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยโดยอัปเดตเป็น tcpdump เวอร์ชัน 4.9.3 และ libpcap เวอร์ชัน 1.9.1

Apple ยังได้แก้ไขข้อบกพร่องด้านความปลอดภัย 6 รายการใน OpenLDAP โดยอัปเดตเป็นรุ่น 2.4.28 รวมถึงช่องโหว่ 4 ช่องโหว่ในเคอร์เนลผ่านการปรับปรุงการจัดการหน่วยความจำ ส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ได้รับการแก้ไข ได้แก่ ATS, Bluetooth, CallKit, CFNetwork Proxies, CUPS, FaceTime, libexpat และความปลอดภัย

ในขณะที่ช่องโหว่ส่วนใหญ่ส่งผลกระทบต่อ macOS Catalina 10.15 เท่านั้น แต่บางช่องโหว่มีผลกับ macOS High Sierra 10.13.6 และ macOS Mojave 10.14.6 เช่นกัน

การอัปเดตที่เผยแพร่สำหรับ iOS และ iPadOS ทำการแก้ไขทั้งหมด 14 ช่องโหว่ ส่วน bug ใน FaceTime ที่อาจนำไปสู่การโจมตีรูปแบบ arbitrary code execution นั้นได้รับการแก้ไขด้วยการเปิดตัว iOS 12.4.4 ซึ่งสำหรับ iPhone 5s, iPhone 6, iPhone 6 Plus, iPad Air, iPad mini 2, iPad mini 3 และ iPod touch รุ่นที่ 6

ข้อบกพร่องที่เหลือถูกแก้ไขใน iOS 13.3 และ iPadOS 13.3 สำหรับ iPhone 6s , iPad Air 2 , iPad mini 4 iPod touch 7 และรุ่นที่ใหม่กว่า ที่ส่งผลกระทบต่อ CallKit, CFNetwork Proxies, FaceTime, IOSurfaceAccelerator IOUSBDeviceFamily, Kernel, libexpat, Photos, security และ WebKit watchOS 6.1.1 (สำหรับ Apple Watch Series 1 และรุ่นที่ใหม่กว่า) รวมถึงโปรแกรมแก้ไขสำหรับ 10 ช่องโหว่ใน CallKit, CFNetwork Proxies, FaceTime, IOUSBDeviceFamily, เคอร์เนล, libexpat, security และ WebKit tvOS 13.3

Apple ยังกล่าวถึงข้อบกพร่องของ FaceTime ที่ Silvanovich ค้นพบใน watchOS 5.3.4
Safari 13.0.4 ได้ปล่อยแพทช์สำหรับสองช่องโหว่ใน WebKit ที่อาจนำไปสู่การโจมตี arbitrary code execution ขณะที่ Xcode 11.3 มาพร้อมกับการแก้ไขปัญหาใน ld64

ที่มา securityweek