Cisco ได้แก้ไขช่องโหว่ระดับ Critical (คะแนน CVSS:3.1 10.0) ซึ่งช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถเรียกใช้คำสั่งด้วยสิทธิ์ root บน access points ของ Ultra-Reliable Wireless Backhaul (URWB) ที่มีช่องโหว่ได้ โดยเป็นการเชื่อมต่อสำหรับ wireless automation ในระบบอุตสาหกรรม (more…)
พบช่องโหว่ของ Cisco ที่ทำให้แฮ็กเกอร์เรียกใช้คำสั่งด้วยสิทธิ์ root บน access point ของ UWRB
Sophos เปิดเผยรายงานการป้องกันการโจมตีอุปกรณ์เครือข่ายจากกลุ่ม Hacker ชาวจีน นานกว่า 5 ปี
Sophos เปิดเผยรายงานที่เรียกว่า "Pacific Rim" ซึ่งให้รายละเอียดว่า Sophos ได้ติดตาม และป้องกันการโจมตีของกลุ่ม Hacker ชาวจีน มาเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว โดยกลุ่ม Hacker ได้กำหนดเป้าหมายการโจมตีไปยังอุปกรณ์เครือข่ายทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น รวมถึงอุปกรณ์จาก Sophos ด้วย
ทั้งนี้ Sophos ได้แจ้งเตือนบริษัทต่าง ๆ ว่า กลุ่ม Hacker ชาวจีน ได้ใช้ช่องโหว่ในอุปกรณ์เครือข่าย เพื่อติดตั้งมัลแวร์ที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะ ซึ่งทำให้สามารถติดตามการสื่อสารบนเครือข่าย, ขโมยข้อมูล credentials หรือทำหน้าที่เป็น proxy server สำหรับการโจมตีแบบ Relay Attack (more…)
ฟีเจอร์ใหม่ของ Cisco ASA และ FTD ช่วยบล็อกการโจมตีแบบ brute-force บน VPN
Cisco ได้เพิ่มฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่ที่ช่วยลดความรุนแรงของการโจมตีแบบ brute-force และ password spray บน Cisco ASA และ Firepower Threat Defense (FTD) ได้มาก ซึ่งช่วยป้องกันเครือข่ายจากการโจมตีบนระบบและลดการใช้งานทรัพยากรของอุปกรณ์ (more…)
Cisco ได้แก้ไขช่องโหว่ DoS บนระบบ VPN ที่พบจากการโจมตีแบบ password spray
Cisco ได้แก้ไขช่องโหว่การโจมตีแบบปฏิเสธการให้บริการ (Denial of Service หรือ DoS) ในซอฟต์แวร์ Cisco ASA และ Firepower Threat Defense (FTD) ซึ่งช่องโหว่นี้ถูกค้นพบระหว่างการโจมตีแบบ large-scale brute force ที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์ Cisco VPN ในเดือนเมษายน
ช่องโหว่นี้มีหมายเลข CVE-2024-20481 และส่งผลกระทบต่อ Cisco ASA และ Cisco FTD ทุกเวอร์ชันจนถึงซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุด
เอกสารคำแนะนำด้านความปลอดภัยสำหรับ CVE-2024-20481 ระบุว่าเป็นช่องโหว่ในบริการ Remote Access VPN (RAVPN) ของซอฟต์แวร์ Cisco Adaptive Security Appliance (ASA) และ Cisco Firepower Threat Defense (FTD) โดยเป็นช่องโหว่ที่อาจทำให้ผู้โจมตีจากภายนอกที่ไม่ได้ผ่านการยืนยันตัวตน สามารถทำให้บริการของ RAVPN ล่มจากการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ได้
"ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ทรัพยากรถูกใช้จนหมด ซึ่งผู้โจมตีใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้โดยการส่งคำขอการยืนยันตัวตนสำหรับ VPN จำนวนมากไปยังอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ และถ้าการโจมตีสำเร็จจะทำให้ทรัพยากรถูกใช้งานจนหมด ส่งผลให้บริการ RAVPN ของอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบเกิดการปฏิเสธการให้บริการ (DoS)"
Cisco ระบุว่าเมื่อการโจมตีแบบ DDoS นี้ส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์ อาจจำเป็นต้องทำการรีโหลดอุปกรณ์เพื่อให้บริการ RAVPN กลับมาทำงานอีกครั้ง
โดยทีม Cisco Product Security Incident Response Team (PSIRT) ระบุว่า พวกเขาทราบถึงการโจมตีช่องโหว่นี้ที่กำลังเกิดขึ้น แต่ช่องโหว่นี้ไม่ได้ถูกใช้เพื่อโจมตีอุปกรณ์ Cisco ASA ในลักษณะของการโจมตีแบบ DoS
โดยช่องโหว่นี้ถูกค้นพบจากการโจมตีแบบ large-scale brute-force ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน โดยมีการโจมตีรหัสผ่านของบริการ VPN บนอุปกรณ์เครือข่ายจำนวนมาก เช่น
Cisco Secure Firewall VPN
Checkpoint VPN
Fortinet VPN
SonicWall VPN
RD Web Services
Miktrotik
Draytek
Ubiquiti
การโจมตีเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรวบรวมข้อมูลการเข้าสู่ระบบ VPN สำหรับเครือข่ายองค์กร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปขายใน dark web และอาจส่งให้กับกลุ่มแรนซัมแวร์เพื่อใช้ในการเข้าถึงเครือข่าย หรือใช้โจมตีระบบเพื่อขโมยข้อมูล
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการส่งคำขอการยืนยันตัวตนต่อเนื่องจำนวนมาก และรวดเร็วไปยังอุปกรณ์ ทำให้ทรัพยากรของอุปกรณ์ถูกใช้ไปจนหมดโดยที่ผู้โจมตีไม่ได้ตั้งใจดำเนินการ ส่งผลให้อุปกรณ์ Cisco ASA และ FTD เกิดเหตุการณ์ Denial of Service
ช่องโหว่นี้จัดอยู่ในประเภทช่องโหว่แบบ CWE-772 ซึ่งระบุไว้ว่าซอฟต์แวร์ไม่ได้ทำการปล่อยทรัพยากรที่มีการจัดการไว้อย่างเหมาะสมระหว่างการยืนยันตัวตนในรูปแบบ VPN ยกตัวอย่างเช่น หน่วยความจำ
Cisco ระบุว่าช่องโหว่นี้สามารถถูกโจมตีได้ก็ต่อเมื่อมีการเปิดใช้บริการ RAVPN เท่านั้น
ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบได้ว่ามีการเปิดใช้งาน SSL VPN บนอุปกรณ์หรือไม่ โดยใช้คำสั่งต่อไปนี้
หากไม่มีเอาต์พุตแสดงว่าบริการ RAVPN ไม่ได้เปิดใช้งาน
ช่องโหว่อื่น ๆ ของ Cisco
นอกจากนี้ Cisco ยังได้ออกคำแนะนำด้านความปลอดภัย 37 ฉบับ สำหรับช่องโหว่ 42 รายการในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมทั้งช่องโหว่ความรุนแรงระดับ Critical 3 รายการที่ส่งผลต่อ Firepower Threat Defense (FTD), Secure Firewall Management Center (FMC) และ Adaptive Security Appliance (ASA)
ในขณะนี้ แม้ว่าจะยังไม่พบการโจมตีที่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่เหล่านี้ แต่ด้วยความสำคัญ และความรุนแรงของช่องโหว่ ผู้ดูแลระบบที่มีอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบควรเร่งทำการอัปเดตแพตช์โดยเร็วที่สุด
สรุปช่องโหว่มีดังนี้
CVE-2024-20424 (คะแนน CVSS v3.1: 9.9): เป็นช่องโหว่ Command injection flaw ใน web-based management interface ของซอฟต์แวร์ Cisco FMC ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบ HTTP request ที่ไม่ถูกต้อง โดยช่องโหว่นี้จะอนุญาตให้ผู้โจมตีจากภายนอกที่ผ่านการยืนยันตัวตนได้รับสิทธิ์ในระดับ Security Analyst ซึ่งสามารถเรียกใช้คำสั่งบนระบบปฏิบัติการด้วยสิทธิ์ root ได้ตามต้องการ
CVE-2024-20329 (คะแนน CVSS v3.1: 9.9) : เป็นช่องโหว่ Remote command injection ใน Cisco ASA ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบอินพุตของผู้ใช้ที่ไม่สมบูรณ์ในส่วนของคำสั่ง CLI แบบระยะไกลผ่าน SSH โดยช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีจากภายนอกที่ผ่านการยืนยันตัวตนสามารถเรียกใช้คำสั่งบนระบบปฏิบัติการด้วยสิทธิ์ root ได้
CVE-2024-20412 (คะแนน CVSS v3.1: 9.3) : เป็นช่องโหว่ Static credentials ในอุปกรณ์ Firepower รุ่น 1000, 2100, 3100 และ 4200 ซึ่งอนุญาตให้ผู้โจมตีจากภายในเข้าถึงข้อมูลสำคัญ และแก้ไขการตั้งค่าได้อย่างไม่จำกัด
CVE-2024-20424 เป็นช่องโหว่ที่ส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ของ Cisco ที่ใช้งาน FMC เวอร์ชันที่มีช่องโหว่ โดยไม่คำนึงถึงการกำหนดค่าอุปกรณ์ และ Cisco ยังไม่ได้ให้วิธีแก้ไขสำหรับช่องโหว่นี้
CVE-2024-20329 เป็นช่องโหว่ที่ส่งผลกระทบต่อเวอร์ชันของ ASA ที่มีการเปิดใช้ CiscoSSH stack และมีการอนุญาตให้เข้าถึง SSH ในส่วนของอินเทอร์เฟซอย่างน้อยหนึ่งรายการ
แนวทางแก้ปัญหาสำหรับช่องโหว่นี้คือการปิดการใช้งาน CiscoSSH stack โดยใช้คำสั่ง: no ssh stack ciscossh วิธีนี้จะตัดการเชื่อมต่อ SSH ที่กำลังใช้งาน และต้องบันทึกการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้การตั้งค่ายังคงอยู่หลังการรีบูต
CVE-2024-20412 เป็นช่องโหว่ที่ส่งผลกระทบต่อซอฟต์แวร์ FTD ตั้งแต่เวอร์ชัน 7.1 ถึง 7.4 และ VDB release 387 หรือเวอร์ชันก่อนหน้านั้น ของอุปกรณ์ Firepower รุ่น 1000, 2100, 3100 และ 4200
Cisco ระบุว่ามีวิธีแก้ไขชั่วคราวสำหรับช่องโหว่นี้ โดยให้ทำการติดต่อศูนย์ Technical Assistance Center (TAC)
สำหรับช่องโหว่ CVE-2024-20412 Cisco ได้รวม signs of exploitation ไว้ในคำแนะนำเพื่อช่วยให้ผู้ดูแลระบบตรวจจับกิจกรรมที่เป็นอันตรายได้
แนะนำให้ใช้คำสั่งนี้เพื่อตรวจสอบการใช้ข้อมูลแบบ static credentials
หากมีการพยายามเข้าสู่ระบบสำเร็จ อาจเป็นสัญญาณของการถูกโจมตี และหากไม่มีผลลัพธ์ใดถูกส่งกลับมาแสดงว่าข้อมูล credentials ไม่ได้ถูกใช้ในช่วงเวลาการเก็บ Logs
ไม่มีคำแนะนำในการตรวจจับการโจมตีสำหรับ CVE-2024-20424 และ CVE-2024-20329 แต่การตรวจสอบ Logs สำหรับเหตุการณ์ที่ผิดปกติ หรือไม่ปกติเป็นวิธีที่ดีในการค้นหาพฤติกรรมที่น่าสงสัยเสมอ
ทั้งนี้ การอัปเดตของช่องโหว่ทั้งสามรายการสามารถดาวน์โหลดได้ผ่านเครื่องมือ Cisco Software Checker
ที่มา : bleepingcomputer
Cisco ปิด DevHub portal หลังจากแฮ็กเกอร์เปิดเผยข้อมูลที่ขโมยไป
วันนี้ Cisco ยืนยันว่าได้ปิด public DevHub portal ของบริษัท หลังจากที่ผู้ไม่หวังดีได้เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นความลับ แต่ Cisco ยังคงยืนยันว่าไม่มีหลักฐานว่าระบบของบริษัทถูกโจมตี (more…)
Cisco ตรวจสอบเหตุการณ์การละเมิดข้อมูลหลังพบข้อมูลถูกนำไปขายใน hacking forum
Cisco ได้ยืนยันกับ BleepingComputer ว่ากำลังตรวจสอบข้อกล่าวหาล่าสุดเกี่ยวกับการถูกละเมิดข้อมูล หลังจากมีผู้ไม่หวังดีเริ่มนำข้อมูลที่อ้างว่าขโมยมาไปขายในฟอรัมแฮ็ก (more…)
Cisco แจ้งเตือนช่องโหว่ RCE Zero-days ระดับ Critical ใน IP phones ที่หมดอายุการสนับสนุน
Cisco ออกมาแจ้งเตือนถึงช่องโหว่ Zero-days การเรียกใช้คำสั่งที่เป็นอันตรายจากระยะไกล (RCE) ระดับ Critical ซึ่งเป็นช่องโหว่ในอินเตอร์เฟซการจัดการผ่านเว็บของ IP phones รุ่น Small Business SPA 300 และ SPA 500 ที่หมดอายุการสนับสนุนไปแล้ว (end-of-life)
(more…)
ช่องโหว่ใน Cisco SSM On-Prem ทำให้ Hacker สามารถเปลี่ยนรหัสผ่านของผู้ใช้ได้
ช่องโหว่ใน Cisco SSM On-Prem ทำให้ Hacker สามารถเปลี่ยนรหัสผ่านของผู้ใช้ได้
Cisco ออกแพตซ์แก้ไขช่องโหว่ระดับ Critical ซึ่งทำให้ Hacker สามารถเปลี่ยนรหัสผ่านของผู้ใช้บน Cisco Smart Software Manager On-Prem (Cisco SSM On-Prem) license servers ที่มีช่องโหว่ รวมถึงรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ
(more…)
Hacker มุ่งเป้าการโจมตีไปยัง Check Point VPN เพื่อเข้าถึงเครือข่าย
Check Point เปิดเผยการค้นพบกลุ่ม Hacker กำลังกำหนดเป้าหมายไปยังอุปกรณ์ VPN ของ Check Point เพื่อพยายามเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกล
ทั้งนี้การเข้าถึงจากระยะไกลผ่าน VPN ของ Check Point สามารถทำได้ 2 วิธีคือ client-to-site VPN สำหรับการเข้าถึงเครือข่ายองค์กรผ่าน VPN client หรือการเข้าถึงเครือข่ายองค์กรผ่าน SSL VPN Portal จาก web-based
โดย Check Point พบว่ากลุ่ม Hacker ได้มุ่งเป้าโจมตีไปยัง local account ที่มีการตั้งค่าการยืนยันตัวตนที่ไม่ปลอดภัย (password-only) เพื่อป้องกันการโจมตีดังกล่าว Check Point ได้แนะนำให้ผู้ดูแลระบบตรวจสอบ local account ที่มีความเสี่ยงในลักษณะดังกล่าวใน Quantum Security Gateway และ CloudGuard Network Security product และบน Mobile Access และ Remote Access VPN software blade แล้วทำการเปลี่ยนวิธีการยืนยันตัวตนให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น รวมถึงลบ local account ที่มีความเสี่ยงออกจาก Security Management Server database
นอกจากนี้ Check Point ยังได้ออก Security Gateway hotfix ที่จะบล็อก local account ทั้งหมดที่มีการยืนยันตัวตนแบบ password-only และจะไม่สามารถทำการ VPN เพื่อเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกลได้
Cisco VPN ก็ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ Check Point เป็นบริษัทที่สองต่อจาก Cisco ที่ได้ทำการแก้ไขช่องโหว่บน VPN หลังจากที่พบกลุ่ม Hacker มุ่งเป้าหมายในการโจมตีช่องโหว่ดังกล่าว
ในเดือนเมษายน 2024 Cisco ได้แจ้งเตือนพบการโจมตีแบบ brute-force โดยกำหนดเป้าหมายไปยัง VPN และ SSH service บนอุปกรณ์ Cisco, Check Point, SonicWall, Fortinet และ Ubiquiti ซึ่งแคมเปญการโจมตีดังกล่าว ได้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2024 โดยมีการโจมตีที่มาจาก TOR exit node และใช้เครื่องมือต่าง ๆ รวมถึง proxy เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
Aaron Martin นักวิจัยด้านความปลอดภัย ได้เชื่อมโยงแคมเปญการโจมตีกับ botnet ที่พึงถูกค้นพบชื่อว่า "Brutus" ซึ่งควบคุม IP addresses กว่า 20,000 รายการใน cloud service และ residential network
นอกจากนี้ Cisco ยังได้เปิดเผยข้อมูลว่ากลุ่ม Hacker ที่ได้รับการสนันสนุนจากรัฐบาลในชื่อ UAT4356 (หรือที่เรียกว่า STORM-1849) ได้ใช้ช่องโหว่ Zero-day ในไฟร์วอลล์ Cisco Adaptive Security Appliance (ASA) และ Firepower Threat Defense (FTD) เพื่อโจมตีเครือข่ายของรัฐบาลทั่วโลกมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 ในแคมเปญการโจมตีที่ถูกติดตามในชื่อ ArcaneDoor
ที่มา : bleepingcomputer
Cisco แจ้งเตือนการโจมตีแบบ password-spraying มุ่งเป้าไปที่บริการ VPN
Cisco ออกคำแนะนำสำหรับลูกค้าเพื่อลดความเสี่ยงจากการโจมตีโดยวิธีการ password-spraying ที่กำลังมุ่งเป้าหมายไปที่บริการ Remote Access VPN (RAVPN) บนอุปกรณ์ไฟร์วอลล์ Cisco Secure (more…)