CISA แจ้งเตือนปฏิบัติการของกลุ่มแรนซัมแวร์ Medusa ได้ส่งผลกระทบต่อองค์กรมากกว่า 300 แห่งในภาคส่วนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในสหรัฐอเมริกาจนถึงเมื่อเดือนที่ผ่านมา
ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยในคำแนะนำที่ออกมาในวันนี้ (12 มีนาคม 2025) โดยประสานงานกับสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) และ ศูนย์แบ่งปัน และวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายรัฐ (MS-ISAC)
CISA, FBI และ MS-ISAC ระบุว่า "เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025 กลุ่ม Medusa และพันธมิตร โจมตีเหยื่อมากกว่า 300 รายจากหลายภาคส่วนของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบประกอบด้วย การแพทย์, การศึกษา, กฎหมาย, ประกันภัย, เทคโนโลยี และการผลิต"
“FBI, CISA และ MS-ISAC สนับสนุนให้องค์กรต่าง ๆ ดำเนินการตามคำแนะนำในส่วนของการลดผลกระทบตามคำแนะนำฉบับนี้ เพื่อลดโอกาส และผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแรนซัมแวร์ Medusa”
ตามที่คำแนะนำระบุไว้ เพื่อป้องกันการโจมตีจากแรนซัมแวร์ Medusa ผู้ป้องกันระบบควรใช้มาตรการต่อไปนี้ :
ลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่เป็นที่รู้จัก โดยควรดำเนินการให้ระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์ และเฟิร์มแวร์ได้รับการอัปเดตแพตช์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
ดำเนินการทำ Networks Segment เพื่อลดการโจมตีในลักษณะ Lateral Movement ระหว่างอุปกรณ์ที่ติดมัลแวร์ และอุปกรณ์อื่น ๆ ภายในองค์กร
Filter Network Traffic โดยปิดกั้นการเข้าถึงจากแหล่งที่มาที่ไม่รู้จัก หรือไม่น่าเชื่อถือจาก remote services มายังระบบภายใน
ปฏิบัติการของแรนซัมแวร์กลุ่มนี้ ถูกพบครั้งแรกเมื่อ 4 ปีก่อนในเดือนมกราคม 2021 แต่การดำเนินการของกลุ่มนี้เพิ่งกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อสองปีที่แล้วในปี 2023 เมื่อพวกเขาเปิดตัวเว็บไซต์ Medusa Blog เพื่อกดดันเหยื่อให้จ่ายค่าไถ่โดยใช้ข้อมูลที่ถูกขโมยมาเป็นเครื่องมือในการต่อรอง
Medusa เปิดตัวครั้งแรกในรูปแบบแรนซัมแวร์แบบปิด โดยที่กลุ่มผู้โจมตีเพียงกลุ่มเดียวจะรับผิดชอบในการพัฒนา และการดำเนินงานทั้งหมด แม้ว่า Medusa จะพัฒนาไปเป็น Ransomware-as-a-Service (RaaS) และนำเอาโมเดลพันธมิตรมาใช้ในภายหลัง แต่ผู้พัฒนายังคงดูแลการดำเนินการที่สำคัญ รวมถึงการเจรจาค่าไถ่
“นักพัฒนาของ Medusa มักจะรับสมัคร initial access brokers (IABs) จากฟอรัมของอาชญากรไซเบอร์เพื่อขอสิทธิ์ในการเข้าถึงเหยื่อที่มีศักยภาพ อาจมีการจ่ายเงินระหว่าง 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับพันธมิตรที่ให้ข้อมูลเหล่านี้ พร้อมเสนอโอกาสทำงานกับ Medusa โดยเฉพาะ"
นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มมัลแวร์หลายกลุ่ม และปฏิบัติการอาชญากรรมทางไซเบอร์ มีการใช้ชื่อ Medusa รวมถึง botnet ที่มีพื้นฐานจาก Mirai ซึ่งมีความสามารถในการโจมตีแรนซัมแวร์ และปฏิบัติการมัลแวร์ Malware-as-a-service (MaaS) สำหรับ Android ที่ค้นพบในปี 2020 (ที่รู้จักกันในชื่อ TangleBot)
เนื่องจากการใช้ชื่อที่พบบ่อยนี้ จึงมีรายงานที่ทำให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับแรนซัมแวร์ Medusa โดยหลายคนคิดว่าเป็นการปฏิบัติการเดียวกับ MedusaLocker ซึ่งเป็นแรนซัมแวร์ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย แม้ว่าทั้งสองจะเป็นการปฏิบัติการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ Medusa มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ตั้งแต่ที่มีการเปิดโปง กลุ่ม Medusa ได้อ้างว่ามีเหยื่อกว่า 400 รายทั่วโลก และได้รับความสนใจมากขึ้นในเดือนมีนาคม 2023 หลังจากอ้างความรับผิดชอบในการโจมตีเขตการศึกษาของรัฐมินนีแอโพลิส (MPS) และมีการแชร์วิดีโอของข้อมูลที่ถูกขโมยออกมา
กลุ่ม Medusa ยังได้ปล่อยไฟล์ที่อ้างว่าเป็นข้อมูลที่ขโมยมาจาก Toyota Financial Services ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Toyota Motor Corporation บน Dark Extortion Portal ในเดือนพฤศจิกายน 2023 หลังจากที่บริษัทปฏิเสธที่จะจ่ายค่าไถ่ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และแจ้งลูกค้าเกี่ยวกับการละเมิดข้อมูล
ทีม Threat Hunter ของ Symantec ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ Medusa เพิ่มขึ้น 42% ระหว่างปี 2023 และ 2024 และปฏิบัติการนี้ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการโจมตีด้วย Medusa ในเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ 2025 เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับสองเดือนแรกของปี 2024"
เมื่อเดือนที่แล้ว CISA และ FBI เคยได้ออกการแจ้งเตือนร่วมกัน โดยเตือนว่าผู้เสียหายจากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกกว่า 70 ประเทศ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ได้ถูกละเมิดในเหตุการณ์โจมตีของ Ghost ransomware
ที่มา : bleepingcomputer