จีนมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำระบบ AI ระดับโลกภายในปี 2573

องค์การบริหารระดับสูงของจีนได้กำหนดแนวทางสามขั้นตอนในการสร้างปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในทศวรรษหน้า

จีนจะเริ่มก้าวสู่การเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในปี 2563 โดยมุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรม AI ช่วงที่สองภายในปี 2565 เมื่อมีการจัดตั้งฐานกฎหมายขึ้นมาแล้วรัฐบาลก็มีแผนที่จะเป็นผู้นำด้านทฤษฎีเทคโนโลยีและการใช้งานด้านแอพพลิเคชั่น รวมทั้งศูนย์นวัตกรรมไอทีชั้นนำภายในปี 2573 รัฐบาลยังได้ผลักดันให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ AI ในประเทศจีนรวมถึงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อัจฉริยะ หุ่นยนต์อัจฉริยะและอุปกรณ์ Internet of Things

รายงานของ PwC ที่ออกเมื่อเดือนที่แล้วได้คาดการณ์ว่า GDP ของโลกจะเพิ่มขึ้น 14% ในปี 2573 เนื่องจากมีการใช้งาน AI อย่างกว้างขวาง

ที่มา : zdnet

พบมัลแวร์รูปแบบใหม่ นำเทคนิค AI มาใช้งาน ปรับตัวเองตลอดเพื่อให้ไม่ถูกตรวจจับง่ายๆ

บริษัทความปลอดภัย Darktrace ระบุว่าเริ่มค้นพบมัลแวร์รูปแบบใหม่ๆ ที่นำเทคนิคด้าน AI มาใช้งาน เพื่อให้มัลแวร์สามารถเรียนรู้สภาพแวดล้อม และปลอมตัวได้เนียนกว่าเดิม

Nicole Eagan ซีอีโอของ Darktrace กล่าวว่ามัลแวร์กลุ่มนี้จะปรับพฤติกรรมไปเรื่อยๆ เพื่อให้อยู่ในระบบโดยไม่ถูกตรวจจับได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม มัลแวร์กลุ่มนี้ยังไม่ได้มีศักยภาพด้าน AI เต็มขั้น แต่ก็เริ่มหยิบบางส่วนมาใช้งาน

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือมัลแวร์เหล่านี้ถูกพบในประเทศกำลังพัฒนา มากกว่าประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศพัฒนาแล้วมีระบบป้องกันทางไอทีที่เข้มแข็งกว่า ส่งผลให้แฮ็กเกอร์หันไปทดสอบมัลแวร์ของตัวเองในประเทศที่ไม่ได้สนใจความปลอดภัยไซเบอร์มากนัก ตัวอย่างที่โด่งดังคือ การแฮ็กธนาคารกลางของบังกลาเทศ ที่ในภายหลัง Symantec พบการโจมตีรูปแบบเดียวกัน ถูกใช้ในอีก 31 ประเทศ

ที่มา : BLOGNONE