กลุ่มแฮ็กเกอร์ Desorden อ้างว่าสามารถขโมยข้อมูลขนาด 198GB ได้สำเร็จจากบริษัท AIS ผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
โดยกลุ่ม Desorden ระบุว่า ได้ทำการโจมตี และขโมยข้อมูลของบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่ง AIS ถือเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกด้วย โดยอ้างว่าเป็นการโจมตีด้วยการเจาะระบบเซิร์ฟเวอร์ PBX ของ AIS และขโมยฐานข้อมูล กับข้อมูลของลูกค้าออกมาได้
ข้อมูลที่ Desorden อ้างว่าได้จากการโจมตี AIS ประเทศไทย
1. ไฟล์เสียงบันทึกเสียง (wav files)
2. บันทึกการโทรเข้า จำนวน 7.2 ล้านรายการ
3. บันทึกการโทรออกของลูกค้าองค์กร จำนวน 8.1 ล้านรายการ
Desorden ได้ยกตัวอย่างกลุ่มลูกค้าองค์กรบางส่วนที่ถูกเข้าถึงข้อมูล เช่น Asian Property, Loreal, SC Assets, DHL, Lazada, SCG, Unilever, Singer Thai, Jaymart, Central Group, Kerry Logistics, AIG Insurance, Exxon Mobil เป็นต้น และยังนำตัวอย่างข้อมูลที่ถูกแฮ็กในระหว่างการโจมตี AIS แพลตฟอร์ม Threat Intelligence ชื่อ Falcon Feeds รวมถึงยังได้ทำการทวีตภาพหน้าจอดังกล่าวจากฟอรัมของแฮ็กเกอร์พร้อมกับข้อมูลตัวอย่างที่ถูกเบลอไว้ และยังโพสต์บน Twitter ว่า AIS เคยประสบปัญหาข้อมูลรั่วไหลในปี 2020 แต่ข่าวนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ
เบอร์โทรศัพท์ของคนไทยจำนวน 1000 หมายเลขถูกใช้ในการหลอกลวง
ในรายงานปี 2022 จาก The Nation บริษัท Advanced Info Service เปิดเผยว่ามีหมายเลขโทรศัพท์มากกว่า 1,000 หมายเลขของบริษัทถูกมิจฉาชีพนำมาใช้ในการฉ้อโกง และการโจรกรรม
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทาง AIS เปิดให้บริการ AIS Spam Report Center hotline ที่เบอร์ 1185 เพื่อแจ้งเหตุการณ์ดังกล่าว
The Nation ระบุว่า ลูกค้า AIS ได้มีแจ้งเหตุการณ์การโทร และข้อความที่น่าสงสัยจำนวนมาก ทางศูนย์บริการได้ติดตามหมายเลขมากกว่า 1,000 หมายเลขไปยังมิจฉาชีพที่ถูกกล่าวหา
พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่า บริการนี้ของ AIS ได้กระตุ้นให้บริษัทเอกชนอื่น ๆ ร่วมมือกับตำรวจเพื่อต่อต้านมิจฉาชีพอย่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา AIS ประเทศไทยได้เข้าร่วมโครงการด้านไซเบอร์หลายโครงการ เช่น โครงการ Aunjai Cyber ซึ่งเผยแพร่วิดีโอให้ความรู้สั้น ๆ แก่ประชาชนเพื่ออธิบายการโจมตีทางไซเบอร์ และวิธีการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์
โดยแคมเปญล่าสุดนี้ดำเนินภายใต้ธีม “Wisdom to Survive” มุ่งเน้นการให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมให้กับผู้คนเพื่อเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากความเสี่ยงทางไซเบอร์ โดยวิดีโอสั้น ๆ ได้รับการออกแบบตามธีมคอมเมดี้ และสยองขวัญที่ตัวละครแสดงเป็นเหยื่อของอาชญากรรมในโลกไซเบอร์
การโจมตีทางไซเบอร์โดย Desorden
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ Desorden สามารถขโมยข้อมูล Know Your Customer (KYC) จากลูกค้าของ The Icon Group ในประเทศไทยในช่วงปี 2022 ประมาณ 70,000 รายการ
นอกจากนี้ ในปี 2021 เว็บไซต์ของ Centara Hotels & Resorts ในประเทศไทยก็เคยตกเป็นเหยื่อการโจรกรรมข้อมูลสองครั้งโดยกลุ่ม Desorden ซึ่งส่งผลให้เกิดการขโมยไฟล์ขนาด 400GB ที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าภายในระยะเวลาเพียง 10 วัน
Desorden ทำการแฮ็ก Acer ในประเทศอินเดีย และไต้หวันในปี 2021 สองครั้งในสัปดาห์เดียวกันซึ่งส่งผลให้ข้อมูลผู้ใช้ในอินเดียถูกละเมิด
ทาง Acer ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อ Desorden ในแถลงการณ์ว่า “จะไม่เจรจา และนโยบายของบริษัทคือจะไม่ยอมจ่ายค่าไถ่ให้กับแฮ็กเกอร์”
โดยในวันที่ 7 กันยายน 2023 ทาง AIS ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า
บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ในกลุ่มของเอไอเอส ได้รับแจ้งจากบริษัท ไอซอฟเทล (ประเทศไทย) จำกัด (ไอซอฟเทล) ผู้ให้บริการระบบ Mobile PBX แก่ลูกค้าบริษัทนิติบุคคลของ AWN ว่า มีการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศในระบบดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งหลังจากได้รับแจ้ง AWN ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้เร่งทำงานร่วมกับไอซอฟเทล และผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกอ้างถึงอย่างเร่งด่วน ซึ่งในเบื้องต้นกรณีนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับระบบฐานข้อมูล และบริการของลูกค้าทั่วไป รวมทั้งลูกค้านิติบุคคลอื่น ๆ ของ AWN ที่ไม่ได้ใช้บริการ Mobile PBX
ที่มา : thecyberexpress