Cisco Critical Flaw Patched in WAN Software Solution

Cisco ออกเเพตซ์เเก้ไขช่องโหว่ระดับ “Critical” ใน WAN Software Solution

Cisco ออกเเพตซ์แก้ไขช่องโหว่ที่สำคัญใน Virtual Wide Area Application Services (vWAAS) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ WAN และช่วยจัดการแอปพลิเคชันบน Infrastructure ของ Virtual Private Cloud

ช่องโหว่ถูกติดตามด้วยรหัส CVE-2020-3446 (CVSS: 9.8/10) ช่องโหว่เกิดเนื่องจากมีบัญชีผู้ใช้และ Default password ของผู้ใช้อยู่ในระบบของซอฟต์แวร์จึงทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้บัญชีผู้ใช้นี้เข้ามาในระบบในสิทธ์ของผู้ดูแลระบบเพื่อจัดการกับระบบได้

ทั้งนี้ซอฟต์แวร์ Virtual Wide Area Application Services (vWAAS) อยู่ในอุปกรณ์ประมวลผลที่เรียกว่า Cisco Enterprise Network Compute Series (ENCS) และถูกปรับใช้ใน Cisco Enterprise NFV Infrastructure Software (NFVIS) เพื่อเป็นซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มที่ใช้การจัดการและควบคุมสำหรับ Virtualization service ซึ่งช่องโหว่จะส่งผลกระทบกับอุปกรณ์ Cisco ENCS 5400-W Series และ CSP 5000-W Series ที่ใช้ NFVIS อิมเมจเวอร์ชัน 6.4.5 หรือ 6.4.3d และเวอร์ชันก่อนหน้า ทั้งนี้ Cisco vWAAS ที่มีอิมเมจ NFVIS เวอร์ชัน 6.4.3e หรือ 6.4.5a และเวอร์ชัน ใหม่กว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ

นอกจากนี้ Cisco ยังได้ทำการออกแพตช์เพื่อเเก้ไขช่องโหว่ CVE-2020-3506, CVE-2020-3507 ใน IP camera 8000 Series และช่องโหว่ CVE-2020-3443 ใน Smart Software Manager

Cisco ได้ออกคำเเนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบทำการอัพเดตเเพตซ์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อเเก้ไขช่องโหว่และป้องกันการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่จากผู้ประสงค์ร้าย

ที่มา: threatpost | cisa

Cisco ออกเเพตซ์เเก้ไขช่องโหว่ความรุนเเรงระดับ “Critical” ที่อนุญาตให้ผู้โจมตีสามารถยึดครองเราเตอร์ได้

Cisco ได้ประกาศถึงเเพตซ์เเก้ไขและปรับปรุงความปลอดภัยเพื่อจัดการเเก้ไขช่องโหว่ Remote Code Execution (RCE), Authentication Bypass และ Static Default Credential ที่ส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์เราเตอร์และไฟร์วอลล์หลายตัวใน Cisco ที่อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถครอบครองอุปกรณ์อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ Cisco ยังได้ออกเเพตซ์การปรับปรุงความปลอดภัยเพื่อแก้ไขช่องโหว่การเพิ่มสิทธิพิเศษในซอฟต์แวร์ Cisco Prime License Manager

ช่องโหว่ที่ได้รับการเเพตซ์เเก้ไขช่องโหว่และปรับปรุงความปลอดภัยทั้ง 5 รายการนี้ถูกจัดระดับคะเเนนความรุนเเรงจาก CVSS อยู่ที่ 9.8 จาก 10 คะเเนน โดยช่องโหว่ที่สำคัญมีดังนี้

ช่องโหว่ CVE-2020-3330 เป็นช่องโหว่ Static Default Credential กระทบกับ Cisco Small Business รุ่น RV110W Wireless-N VPN Firewall firmware เฟิร์มแวร์ก่อนเวอร์ชั่น 1.2.2.8.
ช่องโหว่ CVE-2020-3323 เป็นช่องโหว่ Remote Command Execution (RCE) กระทบกับ Cisco Small Business รุ่น RV110W, RV130, RV130W และ RV215W
ช่องโหว่ CVE-2020-3144 เป็นช่องโหว่ Authentication Bypass กระทบกับ Cisco RV110W, RV130, RV130W และ RV215W
ช่องโหว่ CVE-2020-3331 เป็นช่องโหว่ Arbitrary Code Execution กระทบกับ Cisco เราเตอร์ซีรีส์ RV110W and RV215W เฟิร์มแวร์ก่อนเวอร์ชั่น 1.3.1.7.
ช่องโหว่ CVE-2020-3140 เป็นช่องโหว่ Privilege Escalation กระทบกับ Cisco Prime License Manager เวอร์ชั่นก่อนหน้า 10.5(2)SU9 และ 11.5(1)SU6

ผู้ใช้งานควรรีบทำการอัปเดตเเพตซ์เเก้ไขช่องโหว่ให้เร็วที่สุดเพื่อป้องกันผู้ประสงค์ร้ายใช้ประโยชน์จากช่องโหว่

ที่มา: bleepingcomputer

Cisco fixes severe flaws in Webex Meetings for Windows, macOS

Cisco เเก้ไขช่องโหว่ที่มีระดับรุนเเรงสูงใน Webex สำหรับ Windows, macOS

Cisco ได้เปิดตัวแพตซ์ความปลอดภัยเพื่อเเก้ไขช่องโหว่ที่มีความรุนเเรงสูง 2 รายการที่ถูกพบใน Cisco Webex Meetings Desktop App สำหรับ Windows และ macOS โดยช่องโหว่สามารถอนุญาตให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้ตรวจสอบสิทธิ์ สามารถเรียกใช้โปรแกรมและโค้ดบนเครื่องได้ ช่องโหว่ทั้ง 2 รายการถูกติดตามด้วยรหัส CVE-2020-3263 และ CVE-2020-3342

ช่องโหว่ CVE-2020-3263 สามารถทำให้ผู้โจมตีจากระยะไกลที่ไม่ได้ตรวจสอบสิทธิ์ สามารถรันโปรแกรมบนระบบที่ใช้งาน Cisco Webex Meetings Desktop App ผู้โจมตีสามารถโจมตีช่องโหว่นี้ได้โดยการหลอกให้เป้าหมายคลิก URL ที่เป็นอันตราย

CVE-2020-3342 สามารถทำให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้ตรวจสอบสิทธิ์ สามารถรันโค้ดจากระยะไกลโดยใช้สิทธิ์ของผู้ใช้ที่ล็อกอินบน macOS ที่ใช้งาน Cisco Webex Meetings Desktop App สำหรับ macOS

ช่องโหว่ทั้ง 2 มีผลกับผู้ใช้ Cisco Webex Meetings Desktop App เวอร์ชั่น 39.5.12 สำหรับ Windows และ Cisco Webex Meetings Desktop App เวอร์ชั่น 39.5.11 สำหรับ macOS

ข้อเเนะนำ
Cisco ได้ออกเเพตซ์เพื่อเเก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้วโดยผู้ใช้งานสามารถทำการอัพเดต Cisco Webex สำหรับ Windows ได้ในเวอร์ชั่น 40.1.0 หรือรุ่นใหม่กว่า และ Cisco Webex สำหรับ macOS ได้ในเวอร์ชั่น 39.5.11 หรือรุ่นใหม่กว่า

ที่มา: bleepingcomputer

 

Cisco hacked by exploiting vulnerable SaltStack servers

ระบบของ Cisco ถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ SaltStack

Cisco ได้เปิดเผยว่าเซิร์ฟเวอร์แบ็กเอนด์ของ Cisco Virtual Internet Routing Lab Personal Edition (VIRL-PE) บางส่วนถูกโจมตี โดยการโจมตีนั้นใช้ประโยน์จากช่องโหว่ SaltStack

Cisco ระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ Cisco maintained salt-master ที่เป็นเซอร์วิสของ Cisco VIRL-PE เวอร์ชั่น 1.2 และ 1.3 นั้นถูกโจมตี โดยแฮกเกอร์ได้ทำการโจมตีเซิร์ฟเวอร์แบ็กเอนด์ของ Cisco จำนวน 6 เเห่งคือ us-1.virl.

Cisco Fixes High-Severity Flaws In Firepower Security Software, ASA

Cisco แก้ไขช่องโหว่ระดับรุนแรงสูงใน Cisco Firepower และ Cisco ASA

Cisco ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ที่มีความรุนแรงสูง 12 รายการ ในซอฟต์แวร์ Cisco Adaptive Security Appliance (ASA) และซอฟต์แวร์ Cisco Firepower Threat Defense (FTD)

Cisco กล่าวว่าช่องโหว่ที่มีความรุนเเรงระดับสูงนี้ถูกติดตามเป็น CVE-2020-3187 (CVSSv3 9.1) ช่องโหว่เกิดจากความผิดพลาดที่อาจทำให้ผู้โจมตีจากระยะไกลที่ไม่ได้รับอนุญาตสามารถทำการโจมตีแบบสำรวจพาทไดเรกทอรี ทำให้ผู้โจมตีสามารถอ่านและลบไฟล์ได้ช่องโหว่นี้กระทบกับ WebVPN หรือ AnyConnect

Cisco ยังได้เเก้ไขช่องโหว่บน Cisco ASA ที่มีความรุนเเรงสูงอีก 7 รายการ ได้เเก่ CVE-2020-3125, CVE-2020-3298, CVE-2020-3191, CVE-2020-3254, CVE-2020-3196 , CVE-2020-3195 และ CVE-2020-3259

Cisco ยังกล่าวอีกว่าพวกเขายังได้เเก้ไขช่องโหว่อีก 4 รายการใน Cisco Firepower Threat Defense คือ CVE-2020-3189, CVE-2020-3255, CVE-2020-3179 และ CVE-2020-3283

ข้อเเนะนำจาก Cisco
ผู้ใช้งาน Cisco ASA และ Cisco FTD ควรทำการอัพเดตแพตช์โดยด่วนเพื่อเเก้ไขข้อผิดพลาดและช่องโหว่เกิดขึ้น

ที่มา : threatpost

Cisco says to patch critical UCS security holes now

Cisco กล่าวว่าจะแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัยระดับ ‘critical’ ใน UCS ในตอนนี้
Cisco ได้ทำการแจ้งคำเตือนด้านความปลอดภัยที่สำคัญ 17 รายการเกี่ยวข้องกับช่องโหว่การตรวจสอบความถูกต้องใน Unified Computing System (UCS) ซึ่งอาจทำให้ผู้บุกรุกเข้าสู่ระบบหรือทำให้เกิดปัญหาการปฏิเสธการให้บริการ (Dos) ตัวอย่างช่องโหว่ที่สำคัญเช่น

ช่องโหว่ CVE-2020-3243 (CVSS: 9.8) เป็นช่องโหว่ที่เกิดขึ้นกับ REST API ใน Cisco UCS Director และ UCS Director Express สำหรับ Big Data ช่องโหว่เกิดจากการตรวจสอบความถูกต้องของการควบคุมการเข้าถึงที่ไม่เพียงพอ ทำให้ผู้ผู้โจมตีระยะไกลสามารถโจมตีช่องโหว่นี้ได้โดยส่งคำร้องขอที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อทำการตอบโต้กับ REST API ถ้าการส่งคำร้องขอผู้โจมตีสำเร็จผู้โจมตีสามารถทำการ Bypass และสามารถดำเนินการด้วยสิทธิ์ระดับผู้ดูแลระบบบนอุปกรณ์ที่เป็นเป้าหมายได้

ช่องโหว่ CVE-2020-3240 (CVSS: 8.8) เป็นช่องโหว่ที่เกิดขึ้นกับ REST API ใน Cisco UCS Director และ UCS Director Express สำหรับ Big Data ช่องโหว่เกิดจากการตรวจสอบอินพุตที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์โดยการส่งไฟล์ที่เป็นอันตรายไปที่ REST API ถ้าการโจมตีสำเร็จผู้โจมตีสามารถทำการรีโมท shell และรันโค้ดด้วยสิทธิ์ของ root ได้จากระยะไกล

ช่องโหว่ CVE-2020-3250 (CVSS: 8.8) เป็นช่องโหว่ที่เกิดขึ้นกับ REST API ใน Cisco UCS Director และ UCS Director Express สำหรับ Big Data ช่องโหว่เกิดจากการตรวจสอบความถูกต้องของการควบคุมการเข้าถึงที่ไม่เพียงพอ ทำให้ผู้ผู้โจมตีสามารถโจมตีช่องโหว่นี้ได้โดยส่งคำขอไปยัง REST API endpoint ถ้าการส่งคำร้องขอผู้โจมตีสำเร็จอาจทำให้ผู้โจมตีสามารถโต้ตอบกับ REST API และสามารถทำให้เกิดการปฏิเสธการให้บริการ (Dos) บนอุปกรณ์ที่เป็นเป้าหมายได้

แพตช์การแก้ไขช่องโหว่
Cisco ได้ทำการอัพเดตแพตช์การแก้ไขช่องโหว่แล้วใน UCS Director เวอร์ชั่น 6.7.4.0 และ UCS Director Express สำหรับ Big Data เวอร์ชั่น 3.7.4.0

ที่มา: networkworld

Cisco Firepower Management Center Lightweight Directory Access Protocol Authentication Bypass Vulnerability

Cisco ออกแพตช์ให้ช่องโหว่ร้ายแรงใน Firepower Management Center
มีช่องโหว่ร้ายแรงในหน้า web interface ของ Firepower Management Center (CVE-2019-16028) ถ้าเปิดให้ authentication ผ่าน external LDAP server ผู้โจมตีจะสามารถสร้าง HTTP request อันตรายเพื่อเข้าถึงหน้า web interface ด้วยสิทธิ์ผู้ดูแลระบบได้
สามารถตรวจสอบได้ว่ามีความเสี่ยงต่อช่องโหว่นี้หรือไม่ได้จากเมนู System > Users > External Authentication แล้วตรวจสอบว่ามีการเปิดใช้ LDAP หรือไม่
Cisco แนะนำว่าควรปิดการใช้งานการ authentication ด้วย LDAP จนกว่าจะทำการอัปเดตแพตช์

ที่มา : Cisco

Cisco addressed a high-severity bug in Webex that could allow Remote Code Execution

Cisco แก้ช่องโหว่ความรุนแรงสูงใน Webex ที่ยอมให้รันคำสั่งจากระยะไกล

ระบบ Cisco ได้ปล่อยแพทช์แก้ไขด้านความปลอดภัยสำหรับสองช่องโหว่ที่ร้ายแรงในผลิตภัณฑ์นั้นๆ ที่สามารถโจมตีเพื่อรันคำสั่งอันตรายจากระยะไกลได้ในแพลตฟอร์มการประชุมทางวิดีโอของ Webex และซอฟต์แวร์ IOS XE

ข้อผิดพลาด Webex อยู่ในอินเตอร์เฟซการจัดการ web-based ของ Cisco Webex Video Mesh ที่ยอมให้ผู้โจมตีที่เข้าสู่ระบบแล้วด้วยสิทธิ์ผู้ดูแลระบบสามารถรันคำสั่งอันตรายได้

Cisco Webex Video Mesh Software ที่ได้รับผลกระทบเป็นเวอร์ชันที่ปล่อยออกมาก่อน 2019.09.19.1956m

อีกช่องโหว่เป็นช่องโหว่บนเว็บ UI ­ของ Cisco IOS และ Cisco IOS XE ทำให้ผู้โจมตีที่ไม่ต้องเข้าสู่ระบบสามารถโจมตี cross-site request forgery (CSRF) ได้ ผู้โจมตีอาจใช้ช่องโหว่จากการชักชวนผู้ใช้ผ่านหน้าอินเตอร์เฟสให้เข้าลิงค์ที่เป็นอันตรายเพื่อส่งการร้องขอปลอมต่อ webserver ในการสั่งการทำงานบนอุปกรณ์ หากสามารถทำได้จะทำให้ผู้โจมตีทำอะไรก็ตามด้วยระดับสิทธิ์เดียวกับผู้ใช้นั้น

ปัญหานี้มีผลต่ออุปกรณ์ Cisco บน Cisco IOS หรือ Cisco IOS XE Software เวอร์ชันก่อน 16.1.1 ที่เปิดใช้งาน HTTP Server

ที่มา : securityaffairs

พบช่องโหว่ Critical ยอมให้เข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตใน Cisco Aironet APs

 

Cisco แจ้งว่าพบช่องโหว่ Critical ในอุปกรณ์ Aironet access points (APs) บางรุ่น ทำให้โจมตีจากระยะไกลได้

ช่องโหว่ (CVE-2019-15260) มีสาเหตุมาจาก URL บางตัวที่กำหนดกำหนดการอนุญาตเข้าถึงไม่เพียงพอ ที่ยอมให้ผู้โจมตียกระดับสิทธิ์โดยการร้องขอไปยัง URL เหล่านั้นบนอุปกรณ์ Cisco Aironet AP ซึ่งการยกระดับสิทธิ์นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถดูข้อมูลสำคัญและแทนที่การตั้งค่าบางอย่างด้วยค่าที่พวกเขาเลือก โดยหมายรวมถึงการตั้งค่า wireless network ซึ่งทำให้ผู้โจมตีสามารถปิดการใช้งาน AP หรือ ทำให้เกิดการหยุดทำงาน (DoS) กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ AP ตัวนั้น

ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อ Aironet AP ซีรี่ส์ 1540, 1560, 1800, 2800, 3800 และ 4800

นอกจากช่องโหว่ระดับ Critical แล้ว Aironet APs ยังได้รับผลกระทบจากสองช่องโหว่ระดับ high ที่สามารถใช้มันโดยไม่ต้องผ่านยืนยันตัว ทำให้เกิดการหยุดทำงาน (DoS) ได้ หนึ่งในข้อผิดพลาดมีผลกับฟังก์ชันการประมวลผลของ Point-to-Point Tunneling Protocol (PPTP) VPN แพ็คเกต ขณะที่อีกตัวอยู่ใน Control and Provisioning of Wireless Access Points (CAPWAP)

ผู้ดูแลระบบควรอัปเดตแพตช์ให้กับ Cisco Aironet APs

ที่มา : securityweek

Cisco Warns of Critical Flaws in Data Center Network Manager

Cisco ได้ทำการแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงมากสองช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ Data Center Network Manager ซึ่งอาจทำให้ผู้โจมตีจากระยะไกลสามารถยึดอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ

Cisco ออกแพตช์ให้กับ Data Center Network Manager (DCNM) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดการเครือข่ายของ Cisco สำหรับ Switch ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการเครือข่าย NX-OS รวมถึง Switch Cisco Nexus Series โดยรวมแล้วแพตช์นี้ได้ทำการแก้ไขข้อบกพร่อง 4 ข้อที่มีอยู่ในซอฟต์แวร์บนแพลตฟอร์มนี้ประกอบด้วย 2 ช่องโหว่ร้ายแรงมาก 1 ช่องโหว่ร้ายแรงและ 1 ช่องโหว่ระดับปานกลาง

หนึ่งในช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2019-1620 เป็นช่องโหว่ในการอัปโหลดไฟล์โดยพลการซึ่งสามารถเปิดใช้งานการเรียกใช้โค้ดจากระยะไกลบนอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ ผู้โจมตีสามารถอัปโหลดไฟล์ที่สร้างเป็นพิเศษขึ้นไปบนอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบแล้วจะสามารถรันคำสั่งในสิทธิ์ root ได้ กระทบ DCNM รุ่นต่ำกว่า 11.2(1)

ส่วนอีกช่องโหว่ร้ายแรงคือ CVE-2019-1619 กระทบ DCNM รุ่นต่ำกว่า 11.1(1) เป็นช่องโหว่ที่ทำให้ผู้โจมตีหลบหลีกการยืนยันตัวตนและใช้สิทธิ์ระดับ administrative บนอุปกรณ์ได้

Pedro Ribeiro นักวิจัยด้านความปลอดภัยเป็นผู้ค้นพบทั้งสองช่องโหว่ร้ายแรง โดยรายงานต่อโปรแกรมช่องโหว่ Vulnerability Contributor ของ iDefense

สำหรับช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2019-1621 ใน DCNM เกิดจากการตั้งค่าสิทธิ์ที่ไม่ถูกต้องและอาจทำให้ผู้โจมตีจากระยะไกลที่ไม่ได้ลอกอินเข้าถึงไฟล์สำคัญ และช่องโหว่ความรุนแรงปานกลาง (CVE-2019-1622) ที่เกิดจากการควบคุมการเข้าถึงที่ไม่เหมาะสมสำหรับ URL ในซอฟต์แวร์ DCNM และอาจทำให้ผู้โจมตีจากระยะไกลสามารถเรียกเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้

นอกจากแพตช์นี้ Cisco ได้ทำการจัดการช่องโหว่หลายช่องโหว่มาตลอดเดือน รวมถึงช่องโหว่ที่สำคัญในศูนย์เครือข่ายดิจิตอล Digital Network Architecture (DNA) ซึ่งอาจทำให้ผู้โจมตีที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์สามารถเข้าถึงบริการภายในที่สำคัญได้ และแก้ช่องโหว่ที่มีความรุนแรงสูงในซอฟต์แวร์สำหรับ Routers และ Switch ซึ่งอาจทำให้ผู้โจมตีจากระยะไกลสามารถกำหนดค่าใหม่หรือเรียกใช้คำสั่งบนอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ

ที่มา: threatpost.