Bridgestone Americas ยอมรับถึงเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลจากการโจมตีโดยกลุ่ม LockBit Ransomware

Bridgestone Americas หนึ่งในผู้ผลิตล้อยางรายใหญ่ที่สุดในโลกถูกโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งทางกลุ่ม LockBit Ransomware ออกมาอ้างความรับผิดชอบว่าเป็นผู้โจมตี พวกเขาประกาศว่าจะเผยแพร่ข้อมูลที่ได้ขโมยมาจากบริษัทโดยตั้งเวลานับถอยหลัง ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึง 3 ชั่วโมง

Bridgestone มีโรงงานผลิตหลายแห่งทั่วโลก และพนักงานกว่า 130,000 คน (พนักงานประจำ และตามสัญญา) จากข้อมูลของบริษัทในปี 2020

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ Bridgestone เริ่มตรวจสอบ “เหตุการณ์ด้านความปลอดภัยของข้อมูล” ซึ่งตรวจพบในช่วงเช้าของวันเดียวกัน

Bridgestone กล่าวในแถลงการณ์ว่า "จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราได้ทำการตัดการเชื่อมต่อของโรงงานผลิต และการหล่อยางหลายแห่งในละตินอเมริกา อเมริกาเหนือ ออกจากเครือข่ายของเรา เพื่อควบคุม และป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น"

ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนกระทั่งวันนี้ กลุ่ม LockBit Ransomware ออกมาอ้างความรับผิดชอบว่าเป็นผู้โจมตี โดยมีการเพิ่ม Bridgestone Americas ลงในรายชื่อเหยื่อของพวกเขา ซึ่ง LockBit เป็นหนึ่งในกลุ่มแรนซัมแวร์ที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดในปัจจุบัน โดยมุ่งเป้าไปที่องค์กรขนาดใหญ่ บางครั้งก็มีการเรียกค่าไถ่เป็นเงินหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐ เช่นเดียวกับ Accenture

ยังไม่สามาถระบุได้ว่ามีข้อมูลใดบ้างที่ LockBit ขโมยมาจาก Bridgestone Americas หรือข้อมูลดังกล่าวจะส่งผลเสียต่อบริษัทอย่างไรบ้าง ในขณะที่การนับเวลาถอยหลังสำหรับการปล่อยข้อมูลออกสู่สาธารณะ ที่กำลังจะถึงกำหนดภายในเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง

 

ในรายงานเมื่อเดือนที่แล้ว บริษัท อุตสาหกรรม Cybersecurity Dragos กล่าวว่า LockBit เป็นกลุ่ม Ransomware ที่มีการกำหนดเป้าหมายเป็นภาคอุตสาหกรรมด้วยการโจมตีมากถึง 103 ครั้ง ตามมาด้วยกลุ่ม Conti 63 ครั้งในรอบปีที่ผ่านมา

ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทาง FBI ได้ให้รายละเอียดทางเทคนิคในการแสดงหน้าต่าง debug ที่ซ่อนอยู่ของกลุ่ม LockBit เพื่อให้เห็นสถานะการ encrypt ข้อมูลแบบเรียลไทม์

ในช่วงแรก BleepingComputer ได้ติดต่อไปยังบริษัท Bridgestone Americas เพื่อขอคำชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในเวลานั้นก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับ

ต่อมาเมื่อวันที่ 11 มีนาคม, 16:36 น. Bridgestone Americas ตอบกลับคำขอความคิดเห็นจาก BleepingComputer โดยระบุว่ากำลังทำงานร่วมกับ Accenture Security "เพื่อตรวจสอบการโจมตีที่เกิดขึ้น และรายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งกำลังวิเคราะห์เพื่อระบุข้อมูลที่ถูกขโมยไป"

ข้อความเต็มด้านล่าง :
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 บริษัท Bridgestone Americas ตรวจพบเหตุการณ์การโจมตี จากนั้นเราได้แจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลาง และเรายังทำงานกับที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยภายนอกองค์กร Accenture Security เพื่อตรวจสอบการโจมตีที่เกิดขึ้น และรายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมด เบื้องต้นเหตุการณ์นี้เป็นผลมาจากการโจมตีของแรนซัมแวร์ ซึ่งการโจมตีของแรนซัมแวร์นี้ ส่งผลกระทบต่อองค์กรหลายพันแห่งในลักษณะเดียวกัน

ในการสืบสวน ได้พบว่าผู้โจมตีได้มีการนำข้อมูลออกจากระบบของ Bridgestone จำนวนหนึ่ง และข่มขู่ที่จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ เรามีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตรวจสอบให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้จากข้อมูลแวดล้อมที่มี Bridgestone ดำเนินการด้านความปลอดภัยของข้อมูลให้กับลูกค้า และพันธมิตรด้วยความสำคัญสูงสุด จะทำการติดต่อ และแจ้งให้ทราบ เพื่อลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้ และเพื่อปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ตามคำแนะนำของที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยทั้งภายใน และภายนอก

ที่มา : bleepingcomputer

T-Mobile แจ้งถูกโจมตีขโมยข้อมูล คาดส่งผลต่อผู้ใช้งานถึง 54 ล้านคน

เหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลของ T-Mobile เริ่มมีข้อมูลของผลกระทบออกมาเรื่อยๆ หลังจากผลการตรวจสอบล่าสุดพบว่าในขณะนี้มีการเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าที่ใช้บริการ T-Mobile มากกว่า 54 ล้านคน

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้โจมตีเริ่มขายข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า T-Mobile 100 ล้านคนบนฟอรัมใต้ดินด้วยราคา 6 bitcoin หรือประมาณ 9 ล้าน 3 แสนบาท

ผู้โจมตีกล่าวว่าฐานข้อมูลที่ถูกขโมยมีข้อมูลลูกค้า T-Mobile ประมาณ 100 ล้านคน ข้อมูลที่เปิดเผยอาจรวมถึง IMSI, IMEI ของลูกค้า, หมายเลขโทรศัพท์, ชื่อลูกค้า, PIN ความปลอดภัย, หมายเลขประกันสังคม, หมายเลขใบขับขี่ และวันเกิด

ผู้โจมตีกล่าวว่าฐานข้อมูลที่ขโมยมาเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน มีข้อมูลลูกค้าย้อนหลังไปถึงปี 2547 โดยทาง T-Mobile ก็มีการยืนยันในภายหลังว่าเซิร์ฟเวอร์บางส่วนถูกแฮ็กจริง และเริ่มตรวจสอบข้อมูลลูกค้าที่ถูกเปิดเผยออกมา

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม T-Mobile ได้เปิดเผยการตรวจสอบ เกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกแฮ็กเป็นครั้งแรก และกล่าวว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน 48.6 ล้านคนถูกขโมยออกไประหว่างการโจมตี

โดยวันนี้ (21 สิงหาคม) T-Mobile ได้อัปเดตจำนวนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพิ่มเติม 6 ล้านคนที่คาดว่าที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตี
ในครั้งนี้ ซึ่งรวมแล้วการโจมตีครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานประมาณ 54.6 ล้านคน ซึ่งจำแนกตามนี้

ข้อมูล ชื่อและนามสกุล, วันเกิด, SSN และข้อมูลใบขับขี่/บัตรประจำตัวของลูกค้า T-Mobile ในปัจจุบันจำนวน 13.1 ล้านบัญชี
ข้อมูล ชื่อและนามสกุล, วันเกิด, SSN และข้อมูลใบขับขี่/บัตรประจำตัวของลูกค้า T-Mobile ในอดีตจำนวน 40 ล้านบัญชี

ข้อมูล ลูกค้าเก่าของ T-Mobile ที่เปิดเผยชื่อลูกค้า หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ และวันเกิดจำนวน 667,000 บัญชี

ข้อมูล ลูกค้าแบบเติมเงินของ T-Mobile ที่ใช้งานอยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และ PIN ของบัญชีจำนวน 850,000 บัญชี

ข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับบัญชี Metro ของ T-Mobile ในปัจจุบันที่อาจรวมอยู่ด้วยจำนวน 52,000 บัญชี

ตามที่ผู้โจมตีระบุช่องโหว่ที่ผู้โจมตีใช้มาจาก Configuration บนอุปกรณ์ Access Point ที่ใช้สำหรับระบบทดสอบ โดยปัญหาจากการ Configuration นั้นทำให้ Access Point ตัวนี้ถูกเข้าถึงได้จากอินเทอร์เน็ต แสดงว่าการโจมตีนี้ไม่ได้ใช้เทคนิคที่ซับซ้อน หรือเป็น Zero Day แต่เป็น T-Mobile เองที่พลาดเปิดประตูทิ้งไว้ และผู้โจมตีก็แค่หาประตูเจอเท่านั้นเอง

T-Mobile ได้บอกอีกว่าไม่พบการเข้าถึงข้อมูลการชำระเงิน หรือข้อมูลทางการเงิน แต่ก็แนะนำให้ลูกค้า T-Mobile ทุกคนระวังโดยให้ถือว่าข้อมูลของพวกเขารั่วไหลด้วยเช่นเดียวกัน รวมถึงให้ระวังข้อความ SMS หรือ อีเมลฟิชชิ่ง หากได้รับแล้ว อย่าคลิกลิงก์ใดๆ ที่อยู่ในข้อความเนื่องจากผู้โจมตีสามารถใช้ลิงก์เหล่านี้เพื่อรวบรวมข้อมูลจากลูกค้า T-Mobile ได้

ที่มา : Bleepingcomputer

Health Data Breach Victim Tally for 2018 Soars

สถิติผู้เคราะห์ร้ายที่เป็นเหยื่อการรั่วไหลของข้อมูลด้านสุขภาพสูงขึ้นในปี 2018

มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลด้านสุขภาพรั่วไหลที่เกิดขึ้นใหม่ประมาณ 30 รายการ รวมถึงการโดนโจมตีแบบฟิชชิ่งที่ส่งผลกระทบต่อบุคคล 1.4 ล้านคน จากการรวบรวมล่าสุดอย่างเป็นทางการในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ยอดของเหยื่อในปี 2018 เพิ่มขึ้นสูงถึง 4.3 ล้านคน

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาพบว่าตลอดปี 2018 มีการพบเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล 229 รายการ ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบเพิ่มเป็น 6.1 ล้านคน เว็บไซต์บริการของ Health Insurance Portability and Accountability Act : HIPAA หรือที่ถูกเรียกว่า "wall of shame" แสดงรายการการละเมิดข้อมูลด้านสุขภาพกว่า 500 รายการ ตั้งแต่ปี 2009 โดยข้อมูลจาก Security Media Group ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม รายงานว่าพบผู้ได้รับผลกระทบจำนวนทั้งสิ้น 2.2 ล้านคน โดยส่วนมากเกิดจากการโจมตีแบบฟิชชิ่งที่เกิดกับ Iowa Health Group ที่มีรายงานออกมาเมื่อวันที่ 30 กรกฏาคม ซึ่งส่งผลกระทบใหญ่ที่สุดในปีที่ 2018

การโจมตีโดยใช้ฟิชชิ่งหลอกลวงลักษณะเกี่ยวกับขั้นตอน หรือการดำเนินการด้านธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น ส่งมาจากหัวหน้าหรือผู้ร่วมงาน มักจะมีอัตราความสำเร็จสูง องค์กรจึงควรมีอุปกรณ์ความปลอดภัยเพื่อป้องกันภัยคุกคามที่มาจาก Email และมีการอบรมเพื่อปลูกฝังความตระหนักให้แก่พนักงานในการแยกแยะฟิชชิ่ง Email

Recommendation:ควรมีอุปกรณ์ความปลอดภัยเพื่อป้องกันภัยคุกคามที่มาจาก Email และมีการอบรมเพื่อปลูกฝังความตระหนักให้แก่พนักงานในการแยกแยะฟิชชิ่ง Email

ที่มา:bankinfosecurity