ผู้เสียหายจากการหลอกลวงในสิงคโปร์สูญเสียเงินรวม 651.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 โดยมีรายงานคดีสูงถึง 46,000 คดี [EndUser]

แม้จะมีสื่อต่าง ๆ รายงานข่าว และเจ้าหน้าที่ได้เตือนภัยเกี่ยวกับการหลอกลวงอยู่เป็นจำนวนมาก แต่จำนวนคดีในสิงคโปร์กลับพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2023

ปี 2023 มีรายงานคดีการหลอกลวงทางไซเบอร์มากถึง 46,563 คดี ซึ่งตามข้อมูลของตำรวจที่แจ้งไปยังสื่อ The Straits Times เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2024 ถือเป็นจำนวนคดีการหลอกลวงที่สูงที่สุดตั้งแต่มีการติดตามสถิติมาตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งจำนวนคดีในปี 2023 เพิ่มขึ้นถึง 46.8% เมื่อเทียบกับปี 2022 ซึ่งมีคดีอยู่ที่ 31,728 คดี

รวมแล้วเหยื่อของการหลอกลวงทางไซเบอร์ในสิงคโปร์สูญเสียเงินรวมทั้งสิ้น 651.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 แม้จะเป็นตัวเลขที่ลดลงเล็กน้อยจากปี 2022 ที่สูญเสียไป 660.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่หากพิจารณายอดเงินรวมที่สูญเสียไปจากการหลอกลวง 10 อันดับแรกกลับมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในปี 2023 โดยอยู่ที่ 573.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 509.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022

ข้อมูลประจำปีที่ถูกเผยแพร่โดยตำรวจสิงคโปร์ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2024 พบว่ามีเงินสูญเสียจากการหลอกลวงมากกว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2019

Malware scams ซึ่งก่อนหน้านี้แทบจะไม่เคยถูกพบมาก่อน กลับกลายเป็นหนึ่งใน 10 อันดับ
กลลวงที่น่าเป็นห่วงในปี 2023 โดยมีรายงานคดีถึง 1,899 คดี เหยื่อสูญเสียเงินไปทั้งสิ้น 34.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กราฟแสดงข้อมูลจำนวนคดีหลอกลวงทั้งหมด

การหลอกลวงที่พบมากที่สุดที่ผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อคือ การหลอกลวงด้วยตำแหน่งงาน โดยมีรายงานคดีถึง 9,914 คดี สูญเสียเงินไปทั้งสิ้นอย่างน้อย $135.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก $117.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022

ผู้เสียหายจากการหลอกลวงด้วยตำแหน่งงานมากกว่า 45% มีอายุระหว่าง 30 ถึง 49 ปี โดยคนร้ายมักติดต่อเหยื่อผ่านทาง WhatsApp และ Telegram

ตำรวจระบุว่าผู้เสียหายโดยทั่วไปจะถูกเสนองานออนไลน์ที่ทำงานได้จากที่บ้าน โดยลักษณะงานมักเกี่ยวข้องกับการกดไลค์โพสต์บนโซเชียลมีเดีย รีวิวโรงแรม และร้านอาหาร รวมไปถึงการทำแบบสอบถาม

เหยื่อมักจะถูกหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของคนร้ายเพื่อรับค่าคอมมิชชั่น ซึ่งพอโอนเงินไปแล้วเหยื่อจะรู้ตัวว่าโดนโกงก็ต่อเมื่อไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่น หรือติดต่อคนร้ายไม่ได้แล้ว

ในดือนตุลาคม 2023 หนังสือพิมพ์ The Straits Times รายงานว่าคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวท่านหนึ่งได้รับงานทางการตลาดผ่านโฆษณาบนเฟซบุ๊ค และสูญเสียเงินไปประมาณ 89,000 ดอลลาร์ในช่วงหนึ่งสัปดาห์จากมิจฉาชีพ

E-commerce scams ก็เป็นอีกวิธีการหลอกลวงที่น่าเป็นห่วง โดยมีจำนวนคดีเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปี 2023 ที่ 9,783 คดี จากเดิมประมาณ 4,700 คดีในปี 2022 ถึงแม้จำนวนคดีจะเพิ่มขึ้น แต่ยอดความเสียหายรวมกลับลดลง โดยเหยื่อสูญเสียเงินไปอย่างน้อย 13.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 ซึ่งลดลงจาก 21.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022

หนึ่งในการหลอกลวงด้าน E-commerce เกี่ยวข้องกับการหลอกขายบัตรคอนเสิร์ต ซึ่งมีจำนวนคดีเพิ่มขึ้นอีกครั้งในปี 2023 เนื่องจากศิลปินชื่อดังหลายคน เช่น Ed Sheeran, Taylor Swift และ Coldplay ประกาศจัดคอนเสิร์ตในสิงคโปร์

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ ST ในเดือนกรกฎาคม 2023 มีผู้เสียหายอย่างน้อย 54 คนสูญเงินกว่า 45,000 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์จากการพยายามซื้อบัตรคอนเสิร์ต "The Eras Tour" ของ Taylor Swift ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้น 6 วัน ในเดือนมีนาคม 2024 ที่สิงคโปร์

การหลอกลวงด้าน E-commerce รูปแบบใหม่ที่ถูกพบในปี 2023 คือ การหลอกขายสินค้าออนไลน์ โดยมักจะเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง และเป็นที่นิยม เช่น ทุเรียน หรือ เนื้อวากิว ในราคาที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งผู้เสียหายจะสูญเสียเงินเมื่อคนร้ายหลอกให้โอนเงินมัดจำ ค่าจอง หรือค่าจัดส่งสินค้า

เกือบครึ่งของผู้เสียหายจากการหลอกลวงด้าน E-commerce มีอายุระหว่าง 30 ถึง 49 ปี โดยแพลตฟอร์มที่คนร้ายนิยมใช้มากที่สุดในการหลอกลวงคือ Facebook และ Carousell

การหลอกลวงด้วยการปลอมเป็นเพื่อน การปลอมเป็นเพื่อนในการโทรหาผู้เสียหายเป็นอีกการหลอกลวงที่น่าเป็นห่วง โดยในปี 2023 มีรายงานคดีถึง 6,859 คดี เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ซึ่งมีเพียง 2,106 คดี และในปี 2020 ไม่มีรายงานคดีลักษณะนี้เลย

ผู้เสียหายสูญเงินไปกว่า 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากกลลวงทางโทรศัพท์จากการถูกปลอมเป็นเพื่อนในปี 2023 โดยเหยื่อส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 50 ถึง 64 ปี กลลวงประเภทนี้มักใช้วิธีการโทรศัพท์เข้าหาเหยื่อโดยตรง หรือติดต่อผ่านทาง WhatsApp เพื่อหลอกลวง

แม้หลายคนอาจคิดว่าผู้สูงอายุเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ง่ายต่อการตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ แต่สถิติโดยรวมกลับตรงกันข้าม ตำรวจเผยว่าเหยื่อของการหลอกลวงนั้น 73% มีอายุต่ำกว่า 50 ปี

วัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 29 ปีมักตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงด้านการหางาน ในขณะที่คนที่มีอายุระหว่าง 30 ถึง 49 ปีมักสูญเสียเงินจากการหลอกลวงด้าน e-commerce

ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป นับเป็นเหยื่อของการหลอกลวงเพียง 7.1% แต่สถิติที่น่าเป็นห่วงคือ กว่าหนึ่งในสามของผู้สูงอายุเหล่านี้ ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงทางโทรศัพท์จากการถูกปลอมเป็นเพื่อน และอีกกว่า 13% ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงด้านการลงทุน

10 อันดับการหลอกลวงยอดฮิตในสิงคโปร์

สถิติจำนวนคดีการหลอกลวงในสิงคโปร์

  • ปี 2022: 27,931
  • ปี 2023: 42,713

ตำรวจระบุว่า การหลอกลวงออนไลน์ส่วนใหญ่ถูกกระทำโดยมิจฉาชีพที่อยู่นอกประเทศสิงคโปร์ ทำให้การสืบสวน และดำเนินคดีเป็นไปได้ยาก

ตำรวจให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า "คนร้ายกลุ่มนี้มักเป็นสมาชิกขององค์กรอาชญากรรมที่วางแผนกันมาเป็นอย่างดี พวกเขาทำธุรกรรมหลอกลวงระหว่างประเทศ ซึ่งมีความซับซ้อน ยากต่อการติดตาม และป้องกันการกระทำผิด"

ตำรวจเสริมว่า "โอกาสที่จะได้เงินคืนนั้นทำได้ยาก หากเหยื่อโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารที่อยู่ภายนอกประเทศสิงคโปร์"

ตำรวจระบุว่า ในปี 2023 พวกเขาได้ร่วมมือกับหน่วยงานด้านกฎหมายในต่างประเทศ จับกุมเครือข่ายมิจฉาชีพได้ 19 กลุ่ม โดยในจำนวนนี้ มี 6 กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงทางโทรศัพท์ จากการปลอมเป็นเพื่อนของเหยื่อ และอีก 3 กลุ่มเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง

เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ต่างประเทศได้มากกว่า 110 คน ซึ่งทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับคดีหลอกลวงมากกว่า 730 คดี

ในปี 2021 ตำรวจสิงคโปร์ ร่วมมือกับหน่วยงานด้านกฎหมายต่างประเทศ ทลายเครือข่ายมิจฉาชีพไปทั้งสิ้น 16 กลุ่ม ต่อมาในปี 2022 เจ้าหน้าที่สามารถทลายเครือข่ายมิจฉาชีพได้ทั้งหมด 13 กลุ่ม โดยเป็นความร่วมมือระหว่างตำรวจสิงคโปร์ และหน่วยงานต่างประเทศ

ยอดเงินรวมที่เหยื่อสูญเสีย

  • ปี 2022: 509.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ปี 2023: 573.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในอีกประเด็น Anti-Scam Command ของสิงคโปร์ ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมทรัพยากร และความเชี่ยวชาญจากทุกหน่วยงานตำรวจในประเทศ เข้าร่วมปฏิบัติการร่วมกับองค์การตำรวจระหว่างประเทศด้วย

มีการสอบสวนบุคคลกว่า 2,000 คน และมีการอายัดบัญชีธนาคารมากกว่า 5,300 บัญชีทั่วประเทศ ซึ่งทำให้สามารถยึดคืนเงินที่สูญเสียไปจากการฉ้อโกงได้มากกว่า 11.5 ล้านดอลลาร์

เพื่อรับมือกับปัญหาการหลอกลวงที่เกิดขึ้น คณะกรรมการป้องกันอาชญากรรมแห่งชาติ (National Crime Prevention Council) ได้เปิดตัวแคมเปญรณรงค์ต่อต้านการหลอกลวงในเดือนมกราคม 2023 โดยรณรงค์ให้ประชาชน “ACT” เพื่อต่อสู้กับการหลอกลวง

คำย่อ ACT ในแคมเปญระบุถึงวิธีการป้องกันโดย "Add" เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น ติดตั้งแอปพลิเคชัน ScamShield "Check" ตรวจสอบสัญญาณของการหลอกลวง และ "Tell" แจ้งเบาะแสต่อเจ้าหน้าที่ และคนอื่นเกี่ยวกับการหลอกลวง

David Chew ผู้อำนวยการสำนักงานค้าพาณิชย์ระบุว่า สภาพแวดล้อมโลกได้เปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยีทำให้มิจฉาชีพสามารถหลอกลวงเหยื่อ และขโมยเงินได้ง่ายขึ้น

“อย่างไรก็ตามพื้นฐานของมนุษย์ยังคงเดิม มนุษย์ยังคงมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน นั่นคือเหตุผลที่บางคนยังตกเป็นเหยื่อของกลุ่มที่ใช้วิธีการหลอกลวงด้วยความรัก”

“นอกจากนี้พวกเขายังต้องการเงินแบบรวดเร็ว ซึ่งเป็นสาเหตุที่บางคนตกเป็นเหยื่อของกลุ่มหลอกลวงเกี่ยวกับการลงทุน และกลุ่มหลอกลวงเกี่ยวกับการหางาน”

“ดังนั้นหน้าที่ของเราคือ การสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับภัยเหล่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มหลอกลวงตั้งแต่แรก”

ที่มา : straitstimes