โปรแกรมที่มีการอิมพลีเมนต์ฟีเจอร์ SCP (Secure Copy Protocol) ทั้งหมดจาก 36 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 1983 มีความเสี่ยงต่อข้อบกพร่องด้านความปลอดภัย 4 ประเด็น ที่อนุญาตให้เซิร์ฟเวอร์ SCP ที่เป็นอันตรายทำการเปลี่ยนแปลงระบบของผู้ใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตและซ่อนการทำงานที่เป็นอันตรายในเครื่อง
Harry Sintonen นักวิจัยด้านความปลอดภัยจากบริษัท F-Secure บริษัทที่รักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์จากประเทศฟินแลนด์ได้ค้นพบช่องโหว่ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา
SCP ทำงานบนโปรโตคอล SSH ที่สนับสนุนกลไกการตรวจสอบสิทธิ์ หรือการพิสูจน์ตัวตนเพื่อความถูกต้องและรักษาความลับสำหรับไฟล์ที่ถูกถ่ายโอนเช่นเดียวกับ นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2526 SCP ได้ถูกใช้เป็นแอฟพลิเคชั่นภายใต้ชื่อเดียวกัน แต่อยู่ภายในปพลิเคชันอื่นๆ ตัวอย่างเช่น SCP เป็นวิธีการถ่ายโอนไฟล์มาตรฐานสำหรับ OpenSSH, Putty และ WinSCP เป็นต้น
Sintonen เปิดเผยว่ามีข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยที่สำคัญ 4 ตัวที่มีผลต่อการใช้งาน SCP ดังนี้
1. CVE-2018-20685 - แอปไคลเอ็นต์ของ SCP อนุญาตให้เซิร์ฟเวอร์ SCP ระยะไกลสามารถแก้ไขสิทธิ์ของไดเรกทอรีเป้าหมายได้
2. CVE-2019-6111 - เซิร์ฟเวอร์ SCP ที่เป็นอันตรายสามารถเขียนทับไฟล์โดยพลการได้ในไดเรกทอรีของเป้าหมายบนไคลเอ็นต์ SCP หากดำเนินการแบบเรียกซ้ำ (-r) เซิร์ฟเวอร์สามารถจัดการไดเรกทอรีย่อยได้เช่นกัน (เช่นเขียนทับ. ssh / authorized_keys)
3. CVE-2019-6109 - เอาต์พุตเทอร์มินัลไคลเอ็นต์สามารถจัดการผ่านรหัส ANSI เพื่อซ่อนการทำงานที่ตามมา
4. CVE-2019-6110 – คล้ายกับด้านบน
การโจมตีต่างๆที่อาจพยายามโจมตีผ่านช่องโหว่เหล่านี้นั้นขึ้นอยู่กับผู้ที่ประสงค์ร้ายที่จะทำการยึดครองเซิร์ฟเวอร์ SCP หรือทำตัวเป็น Man-in-the-Middle
Recommendation แนะนำให้ผู้ใช้งานอัปเดตโปรแกรม OpenSSH, Putty และ WinSCP ให้เป็นเวอร์ชันใหม่โดยด่วน
ที่มา : zdnet
You must be logged in to post a comment.