WordPress แก้ไขช่องโหว่ใน POP chain ที่ทำให้เว็บไซต์ถูกโจมตี

WordPress ออกแพตซ์อัปเดตเวอร์ชัน 6.4.2 ที่ระบุถึงช่องโหว่การเรียกใช้โค้ดที่เป็นอันตรายจากระยะไกล (RCE) ซึ่งอาจใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่นที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเรียกใช้ PHP code ที่เป็นอันตรายบนเว็บไซต์ได้

WordPress เป็นระบบการจัดการเนื้อหา Content Management System (CMS) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์สที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการสร้าง และจัดการเว็บไซต์ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งานมากกว่า 800 ล้านเว็บไซต์ หรือประมาณ 45% ของเว็บไซต์ทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ต

โดยทีมรักษาความปลอดภัยพบช่องโหว่ของ Property Oriented Programming (POP) ที่ถูกนำมาใช้ใน WordPress 6.4 ซึ่งอาจทำให้มีการเรียกใช้ PHP code ที่เป็นอันตรายได้

การโจมตีช่องโหว่ POP ผู้โจมตีต้องควบคุมคุณสมบัติทั้งหมดของ deserialize object ซึ่งสามารถทำได้ผ่านฟังก์ชัน unserialize () ของ PHP โดยการควบคุมค่าที่ส่งไปยัง magic method เช่น '_wakeup()'

โดยเว็บไซต์เป้าหมายต้องมีช่องโหว่ PHP object injection ซึ่งอาจอยู่บนปลั๊กอิน หรือส่วนต่าง ๆ ของธีม จึงจะส่งผลกระทบทำให้ช่องโหว่มีระดับความรุนแรงสูงขึ้นเป็นระดับ Critical

WordPress ระบุว่าช่องโหว่การเรียกใช้โค้ดที่เป็นอันตรายจากระยะไกลไม่สามารถโจมตีได้โดยตรง แต่ทีมรักษาความปลอดภัยเชื่อว่าเมื่อใช้ร่วมกับปลั๊กอินบางตัว โดยเฉพาะที่มีการติดตั้งในหลายเว็บไซต์ยิ่งอาจทำให้มีระดับความรุนแรงสูงขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของ Wordfence ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องโหว่นี้โดยอธิบายว่า ช่องโหว่อยู่ในประเภท 'WP_HTML_Token' ซึ่งอยู่ใน WordPress 6.4 เพื่อปรับปรุงการการวิเคราะห์แบบ HTML ใน block editor โดยประกอบด้วย magic method '__destruct' ซึ่งใช้ 'call_user_func' เพื่อดำเนินการฟังก์ชันที่กำหนดไว้ในคุณสมบัติ 'on_destroy' และ 'bookmark_name'

นักวิจัยระบุว่าผู้โจมตีที่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ object injection สามารถควบคุมคุณสมบัติเหล่านี้เพื่อสั่งรันโค้ดได้ตามที่ต้องการ

แม้ว่าช่องโหว่นี้จะไม่รุนแรงด้วยตัวมันเอง เนื่องจากความจำเป็นในการใช้ประโยชน์จาก object injection ในปลั๊กอิน หรือธีมที่ติดตั้ง และใช้งานอยู่ แต่การมี POP ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ใน WordPress สามารถเพิ่มความเสี่ยงของเว็บไซต์ WordPress ขึ้นได้

การแจ้งเตือนอื่นจากแพลตฟอร์มความปลอดภัย Patchstack สำหรับ WordPress และปลั๊กอินระบุว่า ช่องโหว่นี้ถูกอัปโหลดเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนบน GitHub และต่อมาได้เพิ่มลงในไลบรารี PHPGGC ซึ่งใช้ในการทดสอบความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน PHP

ถึงแม้ช่องโหว่อาจมีความรุนแรง และสามารถโจมตีได้แค่ในบางกรณี อย่างไรก็ตามนักวิจัยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดต WordPress ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด และแม้ว่าการอัปเดตส่วนใหญ่จะติดตั้งเวอร์ชันใหม่ให้โดยอัตโนมัติ แต่ยังคงแนะนำให้ตรวจสอบด้วยตนเองว่าการอัปเดตเสร็จสมบูรณ์หรือไม่

ที่มา: bleepingcomputer