มัลแวร์เรียกค่าไถ่ Sodinokibi วางแผนแจ้งตลาดหุ้นหลังจากทำการโจมตี
มัลแวร์เรียกค่าไถ่ Sodinokibi หรือ REvil เป็นมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่ดำเนินการในลักษณะของการให้เช่ามัลแวร์เพื่อโจมตี (Ransomware-as-a-Service) โดยเงินที่ได้จากการเรียกค่าไถ่จะถูกแบ่งกันระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่ามัลแวร์ โดยเน้นโจมตีองค์กรและยังไม่มีตัวถอดรหัสที่สามารถถอดรหัสได้ฟรีโดยไม่เสียเงินค่าไถ่
ในช่วงที่ผ่านมากลุ่มเบื้องหลัง Sodinokibi มีการพัฒนาไปอีกขั้นด้วยการสนับสนุนให้ผู้เช่ามัลแวร์ขโมยข้อมูลออกมาก่อนจะทำการปล่อยมัลแวร์ให้เข้ารหัส เพื่อในกรณีที่องค์กรตัดสินใจไม่ยอมจ่ายค่าไถ่กู้คืนไฟล์จะข่มขู่เพื่อปล่อยข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้กลายเป็นเหตุการณ์ข้อมูลหลุดซึ่งอาจจะนำไปสู่การผิดกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่าง GDPR หรือกฏหมายในลักษณะเดียวกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับเงินที่สูงกว่าค่าไถ่มาก กดดันให้องค์กรตัดสินใจจ่ายค่าไถ่แทน
จากข้อมูลล่าสุดที่ BleepingComputer รวบรวมมานี้พบว่ากลุ่มเบื้องหลัง Sodinokibi มีการวางแผนเพิ่มว่าจะทำการส่งอีเมลแจ้งไปยังตลาดหุ้นอย่างดัชนี NASDAQ เพื่อให้การเทขายหุ้นจนราคาตก ทั้งนี้ในปี 2017 บริษัท Centrify ได้ทำการสำรวจผลกระทบที่เกิดจากการโจมตีทางด้านไซเบอร์กับราคาหุ้นของบริษัทที่ถูกโจมตี พบว่าในวันที่มีการประกาศข่าวร้ายดังกล่าวจะเกิดการเทขายทำให้หุ้นตกเฉลี่ย 5% ของราคาเดิม
บริษัท Coveware สรุปสถิติของ Q4 ปี 2019 ไว้ว่าค่าเฉลี่ยของค่าไถ่จากมัลแวร์เรียกค่าไถ่อยู่ที่ 84,116 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2 ล้านหกแสนบาท) พบการโจมตีจาก Sodinokibi ถึง 29.4% จากการโจมตีทั้งหมด และการติดมัลแวร์เรียกค่าไถ่ส่วนใหญ่ (57.4%) เกิดจากการโจมตีผ่าน RDP
ที่มา: bleepingcomputer
You must be logged in to post a comment.