บทวิเคราะห์กรณี US-CERT ออกคำเตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการโจมตีระบบ ERP เพิ่มมากขึ้น

บทนำ

ในวันที่ 25 กรกฏาคม 2018 US-CERT ออกคำเตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการโจมตีระบบ ERP เพิ่มมากขึ้น โดยอ้างอิงจากรายงานร่วมระหว่าง Digital Shadows และ Onapsis ชื่อ ERP Applications Under Fire: How Cyber Attackers Target the Crown Jewels ซึ่งเป็นรายงานวิเคราะห์เกี่ยวกับการโจมตีระบบ ERP ของสองค่ายใหญ่ SAP และ Oracle

ERP Applications Under Fire: How Cyber Attackers Target the Crown Jewels

ทั้งนี้รายงานฉบับนี้เป็นการรายงานต่อมาจากรายงาน Wild Exploitation & Cyber-attacks On SAP Business Applications ของ Onapsis ในเดือนพฤษภาคม 2016 ซึ่ง US-CERT ได้ใช้อ้างอิงในการออกเตือนประกาศ US-CERT TA16-132A เกี่ยวกับการโจมตีระบบ SAP ที่กระทบกว่า 36 องค์กรระดับโลก โดยประเด็นที่องค์กรบกพร่องในการอัปเดตแพตช์ที่เหมาะสมและมีการตั้งค่าแอปพลิเคชันที่กระทบต่อความปลอดภัย

รายงาน ERP Applications Under Fire สรุปว่าระบบ ERP กำลังเป็นเป้าหมายของผู้โจมตีทางไซเบอร์ นอกจากนั้นยังพบว่ามีระบบ ERP ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตหรือใช้งานบนระบบคลาวด์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อยู่เป็นจำนวนมากซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะถูกโจมตีที่มากขึ้น ทั้งนี้ภายในรายงานยังมีการแนะนำวิธีในการจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอีกด้วย

Key Finding

รายงาน ERP Applications Under Fire ทำการสรุปประเด็นสำคัญของรายงานไว้ 4 ข้อ ดังนี้

  1. อาชญากรไซเบอร์ทำการพัฒนามัลแวร์เพื่อโจมตี ERP เช่น มัลแวร์ชื่อดังอย่าง Dridex ถูกอัปเดตในปี 2017 และเดือนกุมภาพันธ์ 2018 เพื่อโจมตี SAP โดยขโมยบัญชีผู้ใช้งานและรหัสผ่านของระบบ SAP ทำให้อาชญากรไซเบอร์เข้าถึงระบบ ERP ได้
  2. ERP ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มบุคคลที่มีองค์กรหรือรัฐบาลของประเทศใดประเทศหนึ่งคอยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เช่น กลุ่มเพื่อโจรกรรมข้อมูลและก่อวินาศกรรม
  3. มีการโจมตีใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ที่เผยแพร่แล้วของ ERP มากขึ้นเมื่อเทียบกับการโจมตีผ่านช่องโหว่ zero-day เพื่อโจมตีระบบที่บกพร่องในการแพตช์และมีการตั้งค่าที่กระทบต่อความปลอดภัย
  4. การใช้งานผ่านระบบคลาวด์, อุปกรณ์เคลื่อนที่และแนวโน้มของการย้ายระบบงานให้มีความทันสมัยมากขึ้นทำให้โอกาสและความเสี่ยงที่ระบบ ERP จะถูกโจมตีนั้นมีมากขึ้นตาม ทั้งนี้ผู้วิจัยพบว่ามี SAP และ Oracle ERP มากกว่า 17,000 แอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อและสามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเตอร์เน็ต โดยสามประเทศที่มีความเสี่ยงดังกล่าวสูงสุดได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และสหราชอาณาจักรอังกฤษ

วิเคราะห์การโจมตี ERP ผ่าน i-secure Cyber Kill Chain

เพื่อช่วยในการทำความเข้าใจการโจมตีระบบ ERP มากขึ้น ทีมตอบสนองการโจมตีและภัยคุกคามจะทำการอธิบายการโจมตีตามหลักการของ i-secure Cyber Kill Chain ซึ่งจะประกอบด้วยขั้นตอนการโจมตีดังต่อไปนี้

  1. Reconnaissance (ขั้นตอนการสำรวจและเก็บข้อมูล)
  2. Delivery (ขั้นตอนการจัดส่งและพยายามโจมตี)
  3. Exploitation (ขั้นตอนการโจมตีช่องโหว่)
  4. Privilege Escalation (ขั้นตอนการยกระดับสิทธิ์)
  5. Credential Access (ขั้นตอนการเข้าถึงข้อมูลบัญชีผู้ใช้งานและรหัสผ่าน)
  6. Lateral Movement (ขั้นตอนการโจมตีไปยังระบบอื่นในเครือข่ายเดียวกัน)
  7. Exfiltration (ขั้นตอนการนำข้อมูลออกจากระบบ)
  8. Command and control (ขั้นตอนการติดต่อเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ออกคำสั่งและควบคุม)

Reconnaissance

การโจมตีทุกการโจมตีนั้นจำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการสำรวจและเก็บข้อมูลของเป้าหมายเสมอ จากการวิเคราะห์การโจมตีระบบ ERP หลายเหตุการณ์ ทีมตอบสนองการโจมตีและภัยคุกคามพบพฤติกรรมในการสำรวจและเก็บข้อมูลของเป้าหมายในลักษณะต่างๆ กันดังนี้

  • ผู้โจมตีมักมีการนำข้อมูลที่ได้จากเว็บบอร์ดใต้ดินของกลุ่มแฮกเกอร์มาทำการค้นหาเป้าหมาย โดยตัวอย่างด้านล่างคือคำค้นหาตามรูปแบบของ Google ที่ช่วยค้นหาระบบที่มีช่องโหว่อยู่ได้

    ตัวอย่างคำค้นหาของกูเกิลที่ช่วยในการค้นหาระบบที่มีช่องโหว่

    ตัวอย่างของระบบที่มีช่องโหว่เมื่อค้นหาด้วยคำค้นหาเฉพาะตามรูปแบบของ Google

  • ค้นหาระบบ ERP ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเตอร์เน็ต โดยใช้เครื่องมือในรูปแบบของบริการเก็บและค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต อาทิ Shodan และ Censys
  • ค้นหาการใช้งานแอปพลิเคชัน Trello, Github หรือเว็บที่เปิดให้เข้าถึงได้ผ่านอินเตอร์เน็ตซึ่งมีการบันทึกบัญชีผู้ใช้งานและรหัสผ่านสำหรับเข้าถึงระบบ ERP เอาไว้

    ตัวอย่างของการเก็บข้อมูลบัญชีผู้ใช้งานและรหัสผ่านไว้ในแอปพลิเคชัน Trello ที่สามารถเข้าถึงได้จากอินเตอร์เน็ต

  • ค้นหาระบบแชร์ไฟล์ที่มีการตั้งค่าอย่างไม่เหมาะสม อาทิ ระบบที่ใช้งาน rsync, SMB FTP, และ Amzaon S3 เพื่อหาไฟล์การตั้งค่าของระบบ ERP ซึ่งอาจมีข้อมูลที่ใช้ในการเข้าถึงระบบ ERP ภายใน

Delivery

โดยส่วนมากนั้นผู้โจมตีมักจะพยายามโจมตีโดยการค้นหาไฟล์การตั้งค่าของระบบ ERP ก่อนจะพยายามเข้าถึงระบบ หรือในบางกรณีคือใช้ช่องโหว่ที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้วในการโจมตี ซึ่งสามารถถูกตรวจจับได้หากมีการป้องกันอย่างดีพอ

Exploitation

การโจมตีระบบ ERP ที่สำเร็จนั้นมักขึ้นอยู่กับว่าในขั้นตอนของการสำรวจและเก็บข้อมูล ผู้โจมตีตรวจพบช่องโหว่อะไรที่สามารถใช้ประโยชน์ได้บ้าง อาทิ

  • หากเจอบัญชีผู้ใช้งานและรหัสในขั้นตอนของการสำรวจและเก็บข้อมูล ผู้โจมตีจะดำเนินการใช้ข้อมูลดังกล่าวในการเข้าถึงระบบโดยทันที
  • ทดลองเข้าถึงระบบ ERP ด้วยข้อมูลสำหรับยืนยันตัวตนที่เป็นค่าเริ่มต้นของระบบ เช่น ระบบ SAP HANA จะมีการรหัสผ่านเริ่มต้นคือ sap123 เสมอ
  • โจมตีระบบ ERP ด้วยช่องโหว่ที่มีอยู่แล้ว เช่น ช่องโหว่ CVE-2010-5326

Privilege Escalation + Credential Access + Lateral Movement

แม้ว่าจะยังไม่มีการรูปแบบพฤติกรรมที่ชัดเจน แต่การโจมตีโดยส่วนมากนั้นจะทำให้ผู้โจมตีได้สิทธิ์ของผู้ดูแลระบบโดยทันที ซึ่งทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้สิทธิ์สูงสุดที่มีอยู่ในการเข้าถึงและโจมตีระบบอื่นๆ ได้

Exfiltration

หนึ่งในการโจมตีด้วยช่องโหว่ CVE-2010-5326 ผู้โจมตีมีการใช้คำสั่งตามรูปภายด้านล่างในการพยายามส่งข้อมูลออกจากระบบที่ยึดครองได้แล้ว

คำสั่งที่ผู้โจมตีใช้ในการส่งข้อมูลออก

Command and control

ผู้โจมตีมักมีการเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ในการออกคำสั่งและควบคุมซึ่งถูกใช้ทั้งในการโจมตีและการรับไฟล์ที่ขโมยออกมาได้ไปเรื่อยๆ ตามรูปแบบการโจมตีและแตกต่างกันตามกลุ่มของผู้โจมตี ไม่สามารถระบุเฉพาะเจาะจงได้แน่นอน

คำแนะนำเบื้องต้นในการป้องกันและลดผลกระทบจากการโจมตีระบบ ERP

  1. ดำเนินการตั้งค่าของระบบ ERP ให้เป็นไปตามคำแนะนำของผู้ผลิตหรือ Best Practices เสมอ
  2. หมั่นประเมินช่องโหว่ของ ERP อย่างสม่ำเสมอ โดยอ้างอิงจากการอัปเดตแพตช์ของผู้ผลิต อาทิ SAP จะออกอัปเดตทุกเดือน และ Oracle จะออกรายไตรมาส นอกเหนือไปจากการประเมิณช่องโหว่ OS และอื่นๆ
  3. ดำเนินการควบคุมสิทธิ์ของผู้ใช้งานให้เหมาะสม และคอยตรวจสอบพร้อมทั้งควบคุมการตั้งค่ารหัสผ่านของผู้ใช้าน
  4. ค้นหาและกำจัดการเชื่อมต่อและการใช้งานที่ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมต่อเพื่อให้สามารถเข้าถึงได้จากระบบอินเตอร์เน็ต
  5. หมั่นตรวจสอบและเฝ้าระวังพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้งาน รวมไปถึงข้อมูลของระบบ ERP เมื่อมีการรั่วไหลออกสู่ภายนอก