Palo Alto Network ได้เปิดเผยถึงช่องโหว่ที่มีความรุนเเรงระดับ “Critical” ซึ่งช่องโหว่นั้นอยู่บนระบบปฏิบัติการ PAN-OS ใน Next-Generation Firewall โดยช่องโหว่จะทำให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้ทำการตรวจสอบสิทธิ์สามารถทำการ Bypass การตรวจสอบสิทธิ์ได้
ช่องโหว่ถูกติดตามด้วยรหัส CVE-2020-2021 (CVSSv3: 10/10) โดยช่องโหวนั้นอยู่ในฟีเจอร์การตั้งค่าของ PAN-OS ในระบบการตรวจสอบ Security Assertion Markup Language (SAML) Authentication ซึ่งจะทำให้ผู้โจมตีสามารถทำการ Bypass การตรวจสอบสิทธิ์และเข้าถึงอุปกรณ์ได้
ช่องโหว่นี้มีผลกระทบกับ PAN-OS 9.1 รุ่นก่อนหน้าเวอร์ชั่น 9.1.3, PAN-OS 9.0 รุ่นก่อนหน้าเวอร์ชัน 9.0.9, PAN-OS 8.1 รุ่นก่อนหน้าเวอร์ชัน 8.1.15 และ PAN-OS 8.0 (EOL) ทุกรุ่น โดยช่องโหว่นี้ไม่มีผลกับ PAN-OS 7.1
Palo Alto Network กล่าวว่าอุปกรณ์และระบบที่มีความเสี่ยงจากช่องโหว่นี้คือ GlobalProtect Gateway, GlobalProtect Portal, GlobalProtect Clientless VPN, Authentication and Captive Portal, Prisma Access systems และ PAN-OS Next-Generation Firewall (PA-Series และ VM-Series)
บริษัท Bad Packets กล่าวว่า Palo Alto (PAN-OS) เซิฟเวอร์ที่สามารถเข้าถึงได้จากอินเตอร์เน็ตนั้นมีประมาณ 58,521 โฮสและมี 4,291 โฮสที่ทำการใช้ SAML Authentication ในการตรวจสอบสิทธิ์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีด้วยช่องโหว่ดังกล่าว
United States Cyber Command ได้ออกมาเตือนบน Twitter ว่ากลุ่ม APT ต่างๆ กำลังพยายามใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้และได้เเนะนำผู้ใช้งานหรือผู้ดูแลระบบทำการอัพเดตเเพตซ์ให้เป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุด
คำเเนะนำ
Palo Alto Network ได้ออกคำเเนะนำให้ผู้ใช้งานและผู้ดูแลระบบให้ทำการอัพเดตเเพตซ์และทำการติดตั้ง PAN-OS เป็น PAN-OS 9.1.3, PAN-OS 9.0.9 และ PAN-OS 8.1.15 โดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันการโจมตีจากช่องโหว่ดังกล่าว
ที่มา:
bleepingcomputer
zdnet