โรงพยาบาลในฝรั่งเศสถูกแรนซัมแวร์เรียกค่าไถ่ 10 ล้านดอลลาร์ ทำให้ต้องส่งคนไข้ต่อไปยังโรงพยาบาลอื่น

Centre Hospitalier Sud Francilien (CHSF) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาด 1,000 เตียง โดยอยู่ห่างจากกรุงปารีสเพียง 28 กม. และให้บริการในพื้นที่ที่มีประชากรราวๆ 600,000 คน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาโรงพยาบาลถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ทำให้เกิดการขัดข้องในการดำเนินการรักษา ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และชีวิตของผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ จึงทำให้ทางโรงพยาบาลจำเป็นต้องส่งผู้ป่วยต่อไปยังโรงพยาบาลอื่น และต้องเลื่อนนัดสำหรับผู้ป่วยที่ต้องทำการผ่าตัด
ประกาศของทางโรงพยาบาลระบุว่า “การโจมตีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำให้ซอฟต์แวร์ ระบบจัดเก็บข้อมูล (โดยเฉพาะภาพทางการแพทย์) และระบบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลไม่สามารถเข้าถึงได้ในขณะนี้ ”

เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยังไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ระบบไอทีที่ยังขัดข้อง และยังคงส่งผลอันตรายต่อผู้ป่วยของโรงพยาบาล ในส่วนคนไข้ที่ต้องดูแลฉุกเฉินจะได้รับการประเมินโดยแพทย์ของโรงพยาบาล หากคนไข้อยู่ในภาวะที่ต้องมีการถ่ายภาพทางการแพทย์เพื่อการรักษา ผู้ป่วยจะถูกย้ายไปยังโรงพยาบาลอื่น
รายงานของหนังสือพิมพ์ Le Monde ซึ่งมีข้อมูลจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศได้ระบุว่า กลุ่มผู้โจมตีเรียกค่าไถ่เป็นเงินจำนวน 10,000,000 ดอลลาร์ เพื่อแลกกับคีย์สำหรับถอดรหัส เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวกับหนังสือพิมพ์ Le Monde โดยระบุว่า "การสอบสวนกำลังดำเนินการโดยศูนย์ต่อต้านอาชญากรรมทางดิจิทัล (C3N) และสำนักงานอัยการปารีส เพื่อตรวจสอบรายละเอียดของการโจมตี และกลุ่มที่พยายามเรียกค่าไถ่”

สันนิษฐานว่าเป็นการโจมตีจาก Lockbit 3.0

Valéry Riess-Marchive นักข่าวด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชาวฝรั่งเศสระบุถึงสัญญาณของ LockBit 3.0 โดยกล่าวถึงวิธีการจัดการโดยหน่วยงานที่กำลังดำเนินการตรวจสอบ มีแนวโน้มว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการโจมตีจาก Rangar Locker และ LockBit
Riess-Marchive ระบุใน LegMagIT ว่า Ragnar Locker ไม่น่าจะอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ เนื่องจากมักจะมุ่งเน้นไปที่ขนาดของธุรกิจของเหยื่อที่แตกต่างจากที่นี่ ในขณะที่ LockBit 3.0 มีขอบเขตของเป้าหมายในการโจมตีที่กว้างกว่า หาก Lockbit 3.0 เกี่ยวข้องกับการโจมตีโรงพยาบาล CHSF ครั้งนี้จริง ก็ถือว่าเป็นการละเมิดกฎของบริการ RaaS ซึ่งจะห้ามไม่ให้กลุ่มผู้โจมตีที่นำ Ransomware ไปใช้โจมตีระบบของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ
ปัจจุบันกลุ่มผู้โจมตีในครั้งนี้นั้นยังไม่ได้รับการยืนยัน และเว็บไซต์ LockBit 3.0 ก็ยังไม่มีรายชื่อของโรงพยาบาล ดังนั้นจึงยังเป็นแค่การสันนิษฐานจากผู้สื่อข่าวเท่านั้น

ที่มา : bleepingcomputer