สหรัฐฯ ประกาศมอบรางวัลเป็นเงินจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับผู้ที่ให้ข้อมูลของกลุ่ม DarkSide Ransomware

เมื่อวันพฤหัสที่ 4 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลสหรัฐได้ประกาศว่าจะให้เงินรางวัล 10 ล้านดอลลาห์สำหรับผู้ที่ให้ข้อมูลที่นำไปสู่การระบุตัวตน หรือตำแหน่งของบุคคลสำคัญของกลุ่ม DarkSide Ransomware หรือกลุ่มที่รีแบรนด์มาจากกลุ่มดังกล่าว

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศของอเมริกาเองก็ยังได้เสนอเงินรางวัลสูงถึง 5 ล้านดอลลาร์สำหรับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่จะส่งผลให้มีการจับกุม หรือการตัดสินให้มีการลงโทษในประเทศใด ๆ ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือพยายามที่จะมีส่วนร่วมในการโจมตีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

ซึ่งทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯได้กล่าวว่า การเสนอเงินรางวัลนี้สหรัฐอเมริกาได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการปกป้องเหยื่อของ Ransomware ทั่วโลกจากการหาผลประโยชน์จากกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ และสหรัฐกำลังมองหามิตรประเทศที่ถูกโจมตีจากกลุ่ม Ransomware และเต็มใจที่จะร่วมมือกับสหรัฐฯในการให้ความยุติธรรมกับองค์กรที่ตกเป็นเหยื่อซึ่งได้รับผลกระทบจาก Ransomware

การเสนอเงินรางวัลดังกล่าวนั้นเป็นการตอบสนองต่อการโจมตีจากกรณี Colonial Pipeline จากกลุ่ม DarkSide Ransomware เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ได้ทำลายระบบท่อส่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และทำให้การจ่ายเชื้อเพลิงไปยังชายฝั่งตะวันออกหยุดชะงักลงเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ และข้อมูลภายในองค์กรก็ได้ถูกนำไปเผยแพร่ใน Darkweb

จากการตรวจสอบอย่างละเอียดที่ตามมาภายหลังจากการโจมตีนี้ทำให้กลุ่ม DarkSide ปิดตัวลงไปเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม และตั้งแต่นั้นมาก็ได้มีกลุ่ม BlackMatter เกิดขึ้นมาโดยมีโครงสร้างในลักษณะเดียวกันกับกลุ่ม DarkSide และก็ได้ปิดตัวลงไปเช่นกันเมื่อเดือนที่แล้วจากการกดดันจากหน่วยงานท้องถิ่น และการวางมือจากสมาชิกภายในกลุ่มเอง

ถึงแม้ว่า Ransomware gang จะมีการจัดตั้งกลุ่มขึ้นมาใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการรีแบรนด์ไปใช้ชื่อใหม่ แต่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ก็ได้พยายามกดดันกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นการบังคับให้อาชญากรไซเบอร์เหล่านี้ต้องหยุดปฏิบัติการ เพราะกลัวว่าจะถูกตามจับได้ในที่สุด

ที่มา: thehackernews