McAfee ประกาศบรรลุข้อตกลงในการขายส่วนกิจการฝั่ง Enterprise ให้กับบริษัท Symphony Technology Group ด้วยมูลค่า 4 พันล้านเหรียญ

McAfee ประกาศบรรลุข้อตกลงในการขายส่วนกิจการฝั่ง Enterprise ให้กับบริษัท Symphony Technology Group ด้วยมูลค่า 4 พันล้านเหรียญ

McAfee กล่าวว่าปัจจุบันธุรกิจส่วน Enterprise มีพาร์ตเนอร์ถึง 86% ที่เป็นบริษัทและองค์กรระดับ Fortune 100 และมีรายได้ในปี 2020 ที่ผ่านมามากกว่า 1,300 ล้านดอลลาร์ ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ McAfee มีเงินทุนที่จะทำการมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจการรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคและจะเร่งกลยุทธ์ในการเป็นผู้นำทางด้านความปลอดภัยส่วนบุคคลสำหรับผู้บริโภคและเพื่อคว้าตลาดทางด้านรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่กำลังเติบโตมากขึ้น ซึ่งกระบวนการซื้อขายกิจการคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2021 หลังได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลทางด้านกฎข้อบังคับและเงื่อนไขการปิดบัญชี

ทั้งนี้ McAfee เคยถูกซื้อกิจการโดยอินเทลในปี 2010 สำหรับ 7.68 พันล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 2014 อินเทลประกาศว่า McAfee กลายเป็น Intel Security อย่างไรก็ตามในปี 2016 อินเทลตัดสินใจเเปลื่ยนชื่อบริษัท McAfee อีกครั้งหลังจากที่ TPG Capital เข้าซื้อจำนวนหุ้น 51% ซึ่งในปัจจุบัน McAfee มีผลิตภัณฑ์สำหรับปกป้องอุปกรณ์มากกว่า 600 ล้านเครื่องทั่วโลก

ที่มา: securityweek, helpnetsecurity, theregister

Gartner ออก Magic Quadrant สำหรับ Enterprise Network Firewall ประจำปี 2017

Gartner, Inc บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชื่อดังของสหรัฐฯ ได้ประกาศ Magic Quadrant สำหรับ Enterprise Network Firewall ประจำปี 2017 ออกมา พบ Palo Alto Networks ยังคงรั้งตำแหน่งอันดับหนึ่ง ตามมาด้วย Fortinet ที่เข้ามาอยู่ในตำแหน่ง Leader เป็นครั้งแรก ส่วน Check Point อยู่ในอันดับที่ 3

Gartner ได้ให้นิยามเงื่อนไขของการเป็น Enterprise Network Firewall หรือ Next-generation Firewall คือ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องระบบเครือข่ายขององค์กรขนาดใหญ่โดยเฉพาะ โดยต้องรองรับการติดตั้งไฟร์วอลล์แบบใช้งานได้ทุกฟังก์ชันในฮาร์ดแวร์เดียว, รองรับการติดตั้งขนาดใหญ่และซับซ้อน รวมทั้งใช้งานกับสาขา และทำ DMZ แบบหลายโซนได้ (Multitiered Demilitarized Zones) นอกจากนี้ ต้องมีตัวเลือกในการใช้งานแบบ Virtualization สำหรับ Data Center ได้

นอกจากนี้ ควรมีตัวเลือกในการติดตั้งบน Public Cloud Environment เช่น Amazon Web Service (AWS) และ Microsoft Azure รวมไปถึงมี Roadmap สำหรับ Google Cloud ภายใน 12 เดือนข้างหน้า มีความสามารถในการขยายระบบออกไปได้ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Network Edge, Data Center, Branch Office, Virtualized Server และ Public Cloud รวมไปถึงสามารถบริหารจัดการระบบทั้งหมดอย่างรวมศูนย์ได้

คุณสมบัติอื่นๆ ที่ NGFW ต้องมี ได้แก่

- การบังคับใช้นโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยถึงระดับแอพพลิเคชันและผู้ใช้งาน
- Intrusion Prevention System (IPS), Sandboxing และ Threat Intelligence Feeds
- Advanced Malware Detection ซึ่งอาจอยู่ในรูปของระบบ Cloud เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายได้
- รองรับการตรวจสอบทราฟฟิกที่เข้ารหัส SSL/TLS
- รองรับการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญสู่สาธารณะ

สำหรับ Magic Quadrant ปี 2017 นี้ Vendor ที่อยู่ในตำแหน่ง Leaders มีทั้งหมด 3 ราย ได้แก่ Palo Alto Networks, Fortinet และ Check Point เรียงตามลำดับ Ability to Execute โดยในปีนี้ Fortinet ได้เข้ามาสู่ตำแหน่ง Leader เป็นครั้งแรก ส่งผลให้ Fortinet ครองตำแหน่ง Leader ทั้งโซลูชัน NGFW และ UTM อย่างไรก็ตาม Vendor ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดยังคงตกเป็นของ Cisco ซึ่งอยู่ในตำแหน่ง Challenger

“ข่าวล่าสุดของทาง Fortinet คือมีการเพิ่มโมเดลของ E Series มากขึ้น ซึ่งสนับสนุนดโดย Fortinet Security Processors เจเนอเรชันล่าสุด Fortinet ยังได้เข้าซื้อกิจการของ AccelOps และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น FortiSIEM อีกด้วย นอกจากนี้ จากการอัปเดตล่าสุดยังมีการเพิ่มฟีเจอร์เกี่ยวกับ Security Fabric ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและผสานการทำงานกันระหว่าง Fortinet Appliance และ FortiClient Endpoints ที่สำคัญคือ Fortinet ได้ประกาศเปิดตัว FortiCASB ซึ่งเป็น Firewall ที่เพิ่มความมั่นคงปลอดภัยของการใช้ SaaS เข้าไปด้วย” — Gartner สรุปการอัปเดตล่าสุดที่ทำให้ Fortinet เข้ามายังตำแหน่ง Leader ของ Gartner ในปีนี้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Gartner