เจ้าหน้าที่รัฐบาลยืนยันในสัปดาห์นี้ว่า กลุ่มผู้ไม่หวังดีที่มีแรงจูงใจด้านการเงินได้โจมตีระบบของธนาคารกลางแห่งยูกันดา
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางแห่งยูกันดายืนยันเมื่อวันพฤหัสบดี (28 พฤศจิกายน 2024) ว่า "ธนาคารกลางแห่งชาติได้รับความเสียหายจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์โดยกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่มีแรงจูงใจด้านการเงิน ซึ่งขณะนี้กรมสอบสวนคดีอาญาของตำรวจ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินกำลังสอบสวนเหตุการณ์นี้"
เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงการคลังยืนยันเช่นกันว่า ผู้โจมตีสามารถเจาะเข้าสู่บางบัญชีของธนาคารกลางได้
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง Henry Musasizi ระบุในรัฐสภาเมื่อวันพฤหัสบดี (28 พฤศจิกายน 2024) ว่า "เป็นความจริงที่บัญชีของธนาคารกลางได้ถูกแฮ็ก แต่ไม่ได้ถึงขนาดที่มีการรายงานออกไป เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ธนาคารได้เริ่มการตรวจสอบบัญชี และในเวลาเดียวกันก็เริ่มทำการสืบสวน เพื่อหลีกเลี่ยงการนำเสนอข้อมูลที่ผิดพลาด ขอให้สภารอการตรวจสอบ และเมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้นจะกลับมารายงานอีกครั้ง"
ธนาคารแห่งยูกันดาระบุเมื่อวันพฤหัสบดีเช่นกันว่า "ธนาคารกำลังอาศัยการสอบสวนของตำรวจเกี่ยวกับรายงานของแฮ็กเกอร์จากต่างประเทศ ซึ่งขโมยเงิน 62 พันล้านชิลลิง (16.8 ล้านดอลลาร์) จากบัญชีของธนาคาร"
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า กลุ่มผู้ไม่หวังดีที่เรียกตัวเองว่า "Waste" เป็นผู้รับผิดชอบต่อการโจมตีครั้งนี้ พวกเขาเจาะระบบของธนาคารแห่งยูกันดา และโอนเงินออกไปเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน
กลุ่ม Waste ดูเหมือนจะมีฐานที่ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขาได้โอนเงินที่ขโมยมาบางส่วนไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยธนาคารกลางแห่งยูกันดาได้กู้คืนเงินที่ถูกขโมยไปมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
หนังสือพิมพ์ Daily Monitor รายงานว่า ผู้โจมตีขโมยเงิน 47.8 พันล้านชิลลิง และเงินที่ถูกขโมยถูกโอนเข้าบัญชีในประเทศญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร
ทางการในสหราชอาณาจักรได้ทำการอายัดเงินไว้ 7 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าจะมีบางส่วนที่ถูกถอนออกไป ส่วนกลุ่มผู้ไม่หวังดีได้เงินไป 6 ล้านดอลลาร์ในประเทศญี่ปุ่น ตามรายงานของ Monitor
Joel Ssenyonyi ตัวแทนจากฝ่ายค้านกล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันพฤหัสบดีว่า "เหตุการณ์นี้เป็นที่น่าตกใจ เพราะเกิดขึ้นกับธนาคารกลางของประเทศ รัฐบาลควรรายงานให้สภาทราบ เป็นเรื่องสำคัญที่สภาจะต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น"
ที่มา : securityaffairs
You must be logged in to post a comment.