วันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้มีการออกข่าวประชาสัมพันธ์ให้สถาบันการเงินในประเทศยกระดับมาตรการป้องกันภัยทางไซเบอร์
สืบเนื่องจาก นายรณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการเปิดเผยว่า มีข้อมูลบางส่วนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการเงินจากธนาคาร 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หลุดออกไป โดยจากรายงานข้อมูลที่หลุดออกไปของธนาคารกสิกรไทยเป็นข้อมูลลูกค้านิติบุคคลที่เป็นข้อมูลสาธารณะ ส่วนของธนาคารกรุงไทย เป็นข้อมูลคำขอสินเชื่อของลูกค้ารายย่อยและนิติบุคคลบางส่วน หลังจากธนาคารทั้ง 2 แห่งทราบปัญหาดังกล่าวได้มีการตรวจสอบทันที และพบว่ายังไม่มีลูกค้าที่ได้ผลกระทบจากกรณีข้อมูลรั่วไหลดังกล่าวนี้ พร้อมทั้งได้ดำเนินการปิดช่องโหว่ดังกล่าวโดยทันที ทั้งนี้ ธปท. ได้สั่งการ และกำชับให้ธนาคารทั้ง 2 แห่งยกระดับมาตราป้องกันภัยทางไซเบอร์อย่างเข้มงวดโดยทันที
ล่าสุดนี้ทางธนาคารทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้มีการชี้แจงกรณีดังกล่าวออกมาแล้ว นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบระบบพบว่า ในช่วงก่อนวันหยุดยาวที่ผ่านมาข้อมูลเบื้องต้นที่ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลคำขอสินเชื่อพื้นฐานของลูกค้ารายย่อยที่สมัครสินเชื่อทางออนไลน์ทั้งสิ้น 1.2 แสนราย แบ่งเป็นนิติบุคคล 3 พันรายได้ถูกแฮกด้วยเทคนิคชั้นสูงจากระบบของธนาคาร และธนาคารยืนยันว่ายังไม่พบว่าความเสียหายเกิดขึ้นกับบัญชีของกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว
ทั้งนี้ธนาคารได้มีการติดต่อกับกลุ่มลูกค้าดังกล่าว เพื่อแจ้งให้ทราบถึงเหตุการณ์ และให้คำแนะนำเพื่อป้องกันความเสี่ยงแล้ว ในส่วนของธนาคารกสิกรไทย นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคารตรวจพบว่าอาจมีข้อมูลรายชื่อลูกค้าองค์กรของธนาคารประมาณ 3 พันรายที่ใช้เว็บให้บริการหนังสือค้ำประกันหลุดออกไปสู่สาธารณะ ซึ่งข้อมูลที่หลุดออกไปไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสำคัญด้านธุรกรรมการเงินของลูกค้า และยังไม่พบว่ามีลูกค้าที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวได้รับความเสียหายใดๆ โดยคาดว่าเกิดจากการแฮกเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ธนาคารได้มีแผนที่จะแจ้งให้ทางลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทราบเป็นรายองค์กรแล้ว
อย่างไรก็ตามขณะนี้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จากสถาบันการเงินต่างๆในประเทศ ได้ร่วมมือกับทาง TB-CERT และผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นๆ ช่วยกันสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอยู่ คาดว่าหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมน่าจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป
ที่มา : การเงินธนาคาร , ธปท.